
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการในประเทศไทยนั้นเติบโตอย่างต่อเนื่องและได้รับความสนใจต่อเนื่อง โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่าภายในปี 2568 จะมีมีนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 37.5 ล้านคน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 1.78 ล้านล้านบาท[1] โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างกรุงเทพฯ เชียงใหม่ และภูเก็ตที่เป็นจังหวัดที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวสูงสุดของประเทศ โดยปี 2565 มีรายได้ถึง 127,927 ล้านบาท[2] ดังนั้นการรักษาความปลอดภัยในโรงแรมและสถานที่ท่องเที่ยวหรือ Hospitality Security จึงกลายเป็นปัจจัยขั้นพื้นฐานที่ธุรกิจควรใส่ใจ

ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Hospitality Security ให้มากขึ้น พร้อมสำรวจองค์ประกอบหลักของระบบรักษาความปลอดภัยที่จำเป็น ความท้าทายที่สถานประกอบการต้องเผชิญ และแนะนำแนวทางการใช้เทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเป็นมิตรสำหรับทุกคน
Hospitality Security คืออะไร
Hospitality Security คือ ระบบการรักษาความปลอดภัยที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับธุรกิจในอุตสาหกรรมการบริการ เช่น โรงแรม รีสอร์ท โรงพยาบาล และอาคารพาณิชย์ต่างๆ โดยระบบรักษาความปลอดภัยนี้มุ่งเน้นการปกป้องแขก พนักงาน ทรัพย์สิน และสถานประกอบการจากภัยคุกคามทุกรูปแบบอย่างครอบคลุม ตั้งแต่การติดตั้งกล้อง CCTV ไปจนถึงระบบ BAS และอื่นๆ ซึ่ง Hospitality Security อาจแตกต่างจากระบบรักษาความปลอดภัยทั่วไป เนื่องจากต้องสร้างสมดุลระหว่างการรักษาความปลอดภัยกับการให้บริการแขก เพื่อมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวและการเข้ารับบริการที่ดีที่สุด
ความท้าทายของการรักษาความปลอดภัยในโรงแรม
ปฏิเสธไม่ได้ว่า การดำเนินธุรกิจโรงแรมต้องเผชิญกับความท้าทายด้านความปลอดภัยหลายประการ เนื่องจากมีผู้คนเข้า-ออกอาคารเป็นจำนวนมากต่อวัน ความหลากหลายของแขก การดำเนินงานตลอด 24 ชั่วโมง ประกอบกับการสร้างสมดุลระหว่างความปลอดภัยกับการบริการ โดยความท้าทายในการดำเนินการ Hospitality Security ที่พบบ่อยได้แก่

- การจัดการผู้เข้าออกจำนวนมาก
โรงแรมมีผู้คนเข้าออกอย่างต่อเนื่อง ทั้งแขก ผู้มาติดต่อ พนักงาน และผู้ส่งของ การควบคุมและติดตามบุคคลเหล่านี้ต้องอาศัยระบบรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพสูง โดยไม่สร้างความลำบากในการใช้บริการ
- การป้องกันภัยคุกคามภายใน
พนักงานและบุคคลภายในอาจเป็นแหล่งเสี่ยงด้านความปลอดภัย การมีระบบตรวจสอบและสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยที่ดีจึงมีความสำคัญ การฝึกอบรมพนักงานอย่างสม่ำเสมอและการสร้างกระบวนการทำงานที่ชัดเจนช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้
- การตอบสนองเหตุการณ์ฉุกเฉิน
เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น อัคคีภัย การบุกรุก หรือภัยพิบัติธรรมชาติ หากมีการรักษาความปลอดภัยในโรงแรมที่หละหลวม หรือระบบรักษาความปลอดภัยที่ล่าสมัย อาจส่งผลโดยตรงต่อชีวิตและทรัพย์สิน ความเชื่อมั่น และภาพลักษณ์ของสถานประกอบการ

ดังนั้นธุรกิจจึงต้องวางแผนการอพยพและติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยอาคารที่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งควรกำหนดขั้นตอนการประสานงานระหว่างทีมรักษาความปลอดภัย พนักงาน และหน่วยงานภายนอกที่ต้องเป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำที่สุด เพื่อลดและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ความปลอดภัย ที่ส่งผลโดยตรงต่อชีวิตและทรัพย์สิน ความเชื่อมั่น และภาพลักษณ์ของสถานประกอบการ
องค์ประกอบหลักของ Hospitality Security
ดังที่กล่าวไปข้างต้น Hospitality Security ควรมีความสามารถในการรักษาความปลอดภัยสถานที่อย่างครอบคลุม จึงมีองค์ประกอบหลากลาย โดยระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีภายในโรงแรม โรงพยาบาล หรือสถานที่ท่องเที่ยว ควรประกอบไปด้วยระบบต่างๆ ดังนี้
- ระบบ Access Control ควบคุมการเข้า-ออก
Access Control หรือระบบควบคุมการเข้า-ออก ถือเป็นหัวใจสำคัญของความปลอดภัยในโรงแรม โดยระบบนี้มีหน้าที่ในการควบคุมการเข้าถึงพื้นที่ต่างๆ โดยกำหนดสิทธิ์ให้เฉพาะผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น โดยการใช้เทคโนโลยีเช่น Face Scan หรือ Biometrics รูปแบบต่างๆ เพื่อระบุตัวตนของแขกหรือพนักงาน และควบคุมการเข้า-ออกได้อย่างแม่นยำ ป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอกหรือผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้ามาภายในอาคาร
![[LIV 24] SEO FEB C02 2 1200x628](https://liv-24.com/wp-content/uploads/2025/03/LIV-24-SEO-FEB-C02-2_1200x628-1024x536.jpg)
ระบบไม้กั้นรถยนต์สมัยใหม่ยังสามารถทำงานร่วมกับระบบ Access Control ที่ครอบคลุมเทคโนโลยี License Plate Reader ช่วยให้สามารถควบคุมการเข้า-ออกของยานพาหนะอย่างเป็นระบบ ระบุป้ายทะเบียน และบันทึกเวลาการเข้า-ออกได้อย่างแม่นยำ ลดข้อผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในส่วนของการรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวในห้องพักโรงแรม สถานประกอบการหลายแห่งได้หันมาใช้ ระบบ Key Card แบบดิจิทัล ซึ่งช่วยลดปัญหาการสูญหายของกุญแจ และสามารถปรับเปลี่ยนสิทธิ์การเข้าถึงได้ทันทีเมื่อแขกเช็คเอาท์ นอกจากนี้ ยังสามารถบันทึกข้อมูลการเข้าออกเพื่อใช้ในการตรวจสอบภายหลังได้แบบอัตโนมัติ
- กล้อง CCTV เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง
อาคารอย่างโรงแรม รีสอร์ท และโรงพยาบาลมักมีการดำเนินงานอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีทั้งพนักงานและแขกในช่วงกลางวันและกลางคืน ดังนั้นจึงควรติดตั้งกล้อง CCTV ครอบคลุมทุกพื้นที่สำคัญ ทั้งทางเข้า-ออก ห้องโถง ลิฟต์ ลานจอดรถ และจุดอับสายตารอบอาคาร นอกจากนี้ยังสามารถนำระบบ AI มาใช้กับ กล้อง CCTV เพื่อตรวจจับความผิดปกติ เช่น บุคคลน่าสงสัย สัตว์มีพิษ หรือแม้แต่ควันไฟในจุดที่มองไม่เห็น เพื่อเข้าแก้ไขสถานการณ์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งการบันทึกภาพแบบ Real-Time ยังช่วยให้ติดตามเหตุการณ์และรวบรวมหลักฐานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการสืบสวนกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์
- ระบบ Fire Alarm แจ้งเตือนอัคคีภัย
อัคคีภัยเป็นภัยพิบัติที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (DPM) ได้เผยสถิติสาธารณภัยทั่วประเทศปี 2567 ว่า อัคคีภัยมีสัดส่วนสูงถึง 50% ของสาธารณภัยทั้งหมดในประเทศ ระบบ Fire Alarm จึงเป็นระบบความปลอดภัยที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับอาคารที่มีผู้คนใช้งานจำนวนมาก ซึ่งนอกจากการส่งสัญญาณแจ้งเตือนภายในอาคารแล้ว ระบบควรแจ้งเตือนไปยังฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น รปภ. ผู้ให้บริการด้านความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ดับเพลิง เพื่อช่วยให้สามารถตอบสนองเหตุการณ์และดับไฟได้อย่างรวดเร็ว
- ระบบ BAS ช่วยบริหารอาคารอย่างอัจฉริยะ
![[LIV 24] SEO FEB C01 1 1200x628](https://liv-24.com/wp-content/uploads/2025/03/LIV-24-SEO-FEB-C01-1_1200x628-1024x536.jpg)
ระบบ BAS (Building Automation System) เป็นส่วนสำคัญของ Hospitality Security ที่ช่วยจัดการระบบต่างๆ ในอาคารอย่างอัตโนมัติ ครอบคลุมระบบไฟฟ้า ประปา ลิฟต์โดยสาร คุณภาพอากาศ และการใช้พลังงาน ช่วยตรวจสอบและวิเคราะห์การทำงานของอุปกรณ์ในระบบ เมื่อพบความผิดปกติ สามารถระบุจุดเกิดเหตุและประสานงานกับทีมช่างได้ทันที ลดความเสียหายและค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง
ทำไมธุรกิจจึงควรมี Hospitality Security

สร้างความเชื่อมั่นและความพึงพอใจของแขก
การวางระบบ Hospitality Security ที่ครอบคลุมสามารถช่วยให้แขกและผู้ใช้งานอาคารรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น สร้างความพึงพอใจในการใช้บริการมากขึ้น นำไปสู่การกลับมาใช้บริการซ้ำและการแนะนำต่อ นอกจากนี้ การมีระบบรักษาความปลอดภัยอาคารที่มีประสิทธิภาพยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและความน่าเชื่อถือของแบรนด์อีกด้วย
ลดความเสี่ยงทางกฎหมายและการเงิน
ระบบความปลอดภัยที่ดีสามารถช่วยป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ ลดการสูญเสียทรัพย์สินหรือชีวิตจากเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยต่างๆ ลดต้นทุนการซ่อมบำรุงกรณีอุปกรณ์หรืออาคารเสียหาย นอกจากนี้ยังลดความเสี่ยงในการถูกฟ้องร้อง ในกรณีที่เหตุการณ์ด้านความปลอดภัยนั้นส่งผลกระทบต่อแขก หรือบุคลลภายนอก
เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน
เทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัยอาคารและระบบอัตโนมัติในปัจจุบันสามารถช่วยลดภาระงานของพนักงาน ทำให้สามารถมุ่งเน้นการให้บริการแขก และการดำเนินงานด้านอื่นๆ ได้มากขึ้น ประกอบกับการมีข้อมูลแบบ Real-Time นั้นสามารถช่วยนการตัดสินใจและจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ระบบ Hospitality Security เป็นปัจจัยสำคัญด้านความปลอดภัยที่กำหนดความสำเร็จของธุรกิจในอุตสาหกรรมการบริการ เพราะการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยที่ครบครันไม่เพียงช่วยปกป้องแขก พนักงาน และทรัพย์สินเท่านั้น แต่ยังสร้างความเชื่อมั่น เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ ซึ่งการลงทุนในระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัยและครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็น Access Control, กล้อง CCTV, Fire Alarm ไปจนถึงระบบ BAS ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว พร้อมช่วยสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันและความยั่งยืนให้กับธุรกิจ
สุดท้ายนี้ การเลือกใช้โซลูชันจากผู้ให้บริการที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเฉพาะทางอย่าง LIV-24 ยังเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะช่วยยกระดับความปลอดภัยที่ตอบโจทย์ความต้องการและสร้างความปลอดภัยสูงสุดให้กับสถานประกอบการ
ยกระดับความปลอดภัยด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะจาก LIV-24
ในฐานะผู้นำและคิดค้นเทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ LIV-24 พร้อมยกระดับความปลอดภัยของพื้นที่ โครงการ และสถานที่สำคัญต่างๆ ให้มากกว่าที่เคย ด้วยโซลูชันเหนือระดับและฟังก์ชันที่ครอบคลุมมากกว่าการรักษาความปลอดภัย พร้อมช่วยให้มั่นใจยิ่งขึ้น ด้วยบริการครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษา ติดตั้ง เฝ้าระวังภัยตลอด 24 ชั่วโมง ไปจนถึงการดูแลซ่อมแซมระบบตลอดการใช้งาน

- AI CCTV Analytic กล้อง CCTV อัจฉริยะ ตรวจจับความผิดปกติด้วย AI ทั้งบุคคลน่าสงสัย สัตว์ ไปจนถึงสิ่งที่มองไม่เห็นอย่างควันไฟ เพื่อแจ้งเตือนระงับเหตุได้ทันท่วงที
- License Plate Recognition (LPR) – ระบบอ่านป้ายทะเบียนอัจฉริยะที่ช่วยควบคุมการเข้า-ออกของยานพาหนะ ทำงานร่วมกับประตูอัตโนมัติหรือไม้กั้น ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านอุปกรณ์การสแกนเข้าออกได้ถึง 40% เมื่อเทียบกับระบบดั้งเดิม
- Digital Fence – เซนเซอร์ตรวจจับความผิดปกติรอบรั้วของพื้นที่ แจ้งเตือนทันทีเมื่อมีการเคลื่อนไหวตามแนวรั้ว
- Real Time Guard Tour – คอยตรวจสอบสถานะการเดินตรวจตราตามจุดต่างๆ ของรปภ.
- Visitor Management System – ระบบควบคุมการเข้า-ออกโครงการ สามารถบันทึกข้อมูล อ่านป้ายทะเบียนรถ ระบุตัวตนผู้เข้ามาในพื้นที่ได้ หมดกังวลเรื่องผู้บุกรุก
- Access Control – ควบคุมบุคคลเข้าออกพื้นที่ ด้วยระบบ Face Scan สแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกประตู และ LRP (License Plate Reader) อ่านป้ายทะเบียนก่อนเข้าสถานที่ ทำให้สามารถควบคุมพื้นที่ได้ตั้งแต่ห้องห้องเดียวหรือทั้งโครงการก็ได้
- Command Centre – ศูนย์ควบคุมส่วนกลางของ LIV-24 เฝ้าสังเกตการณ์แบบ Real-Time ตลอด 24 ชั่วโมง ตลอด 7 วัน ไม่มีหยุดพัก

อีกทั้ง LIV-24 ยังพัฒนาเทคโนโลยี IoT Management System ใช้ในการตรวจสอบ วิเคราะห์ และแสดงผลการทำงานของอุปกรณ์ในระบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟฟ้า ประปา ลิฟต์โดยสาร คุณภาพอากาศ และการใช้พลังงาน ยิ่งไปกว่านั้น หากเชื่อมต่อกับ Command Centre แล้วหากพบเหตุผิดปกติ สามารถระบุเหตุการณ์และจุดเกิดเหตุได้สามารถประสานงานกับผู้ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและแก้ไขได้ทันที ลดความเสียหายและค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง ป้องกันได้แม่นยำ ยกระดับธุรกิจ สร้างความเชื่อมั่น เพิ่มสมรรถภาพการทำงานของทุกระบบ

ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิม เพิ่มประสิทธิภาพ ด้วย LIV-24 (ลิฟ-24)
เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพ ปกป้อง ปลอดภัย ผสานพลัง AI และมนุษย์ ตลอด 24/7
ให้ LIV-24 ช่วยวิเคราะห์ความเสี่ยง สร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์ธุรกิจคุณโดยเฉพาะ 02 688 7555 หรือ คลิกที่นี่