เผย 4 ระบบรักษาความปลอดภัยที่ทุกพื้นที่ควรมี ยกระดับการป้องกันเหตุไม่คาดฝัน

เผย 4 ระบบรักษาความปลอดภัยที่ทุกพื้นที่ควรมี ยกระดับการป้องกันเหตุไม่คาดฝัน

การวางแผนและกำหนดระบบรักษาความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกสถานที่ควรให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นโครงการหมู่บ้าน อาคารพาณิชย์ โรงงาน โรงแรม ห้างสรรพสินค้า หรือโรงเรียน ฯลฯ เพราะทุกสถานที่ล้วนมีความเสี่ยงต่อการเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ทั้งการโจรกรรม อัคคีภัย หรือภัยพิบัติต่างๆ ซึ่งระบบความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพจะช่วยป้องกันและลดความเสียหายต่อธุรกิจ ทรัพย์สิน และชีวิตได้

ดังนั้น ในบทความนี้ LIV-24  จะมาบอกให้รู้ว่าระบบรักษาความปลอดภัยมีอะไรบ้าง ประโยชน์ของการวางระบบความปลอดภัยที่ครอบคลุม พร้อมแนะนำเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะจาก LIV-24

ระบบรักษาความปลอดภัย คืออะไร?

ระบบรักษาความปลอดภัย (Security System) คือ ระบบที่ช่วยป้องกันและตรวจจับภัยคุกคามที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน สามารถนำมาใช้ได้ทั้งในที่พักอาศัยส่วนตัวและสถานที่ธุรกิจ เพื่อป้องกันความเสียหายจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันทั้งจากปัจจัยภายใน เช่น อุบัติเหตุ และปัจจัยภายนอก เช่น ผู้บุกรุก การโจรกรรม ภัยธรรมชาติ เป็นต้น

4 ระบบรักษาความปลอดภัยที่ควรมีในทุกสถานที่

[LIV 24] SEO NOV C01 1 1200x628

ปัจจุบัน ระบบรักษาความปลอดภัยมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ มาดูกันว่า 4 ระบบหลักที่ทุกสถานที่ควรพิจารณาติดตั้งมีอะไรบ้าง

1. ระบบกล้องวงจรปิด CCTV

กล้อง CCTV เป็นอุปกรณ์สำคัญที่สามารถช่วยสอดส่องดูแลความเรียบร้อยของสถานที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมบันทึกภาพเหตุการณ์สำคัญ โดยเฉพาะในจุดอับสายตา หรือที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้าถึงยาก ระบบรักษาความปลอดภัย CCTV มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับสถานที่ที่มีทรัพย์สินมูลค่าสูง เช่น ห้องเก็บตู้เซฟ หรือห้องเซิร์ฟเวอร์ และพื้นที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน เช่น ห้างสรรพสินค้า ที่กำกับดูแลบุคคลเข้า-ออกได้ไม่ทั่วถึง

ในปัจจุบันนี้ ผู้ให้บริการด้านระบบความปลอดภัยอาจมีบริการอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อมอบระดับความปลอดภัยที่มากขึ้น เช่น การมอนิเตอร์ริงภาพกล้องวงจรปิดจากศูนย์ควบคุมกลาง หรือนำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยวิเคราะห์ภาพเหตุการณ์ต่างๆ แบบเรียลไทม์ เพื่อเข้าระงับเหตุก่อนความเสียหายจะลุกลาม

2. เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หรือ รปภ. เป็นบุคลากรสำคัญในการรักษาความปลอดภัยในทุกสถานที่ แม้ตามบ้านพักอาศัยจะไม่มีการว่าจ้างรปภ. แต่สถานที่เชิงพาณิชย์ต่างๆ เช่น อาคารสำนักงาน โรงงานอุตสาหกรรม ห้าง โรงแรม หรือแม้แต่โรงเรียน เพราะคุณสมบัติในการเข้าระงับสถานการณ์เบื้องต้นได้ทันที และสามารถวิเคราะห์เหตุต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ทันทีว่าเป็น False Alarm หรือไม่ อีกทั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยังสามารถทำหน้าที่ได้หลากหลาย ตั้งแต่การตรวจสอบยานพาหนะของผู้มาติดต่อ การลาดตระเวนรอบสถานที่ ไปจนถึงการควบคุมตัวผู้บุกรุกและดักจับสัตว์มีพิษที่เข้ามาภายในพื้นที่

อย่างไรก็ตาม ข้อสำคัญควรคำนึงในการว่าจ้างรปภ. คือ ความสม่ำเสมอในการทำหน้าที่หรือความรับผิดชอบ ดังนั้นอาจต้องวางระบบติดตามการทำงานเพิ่มเติม เพื่อป้องกันการละเลยหน้าที่

3. ระบบควบคุมการเข้า-ออก (Access Control) 

ระบบควบคุมการเข้า-ออก หรือ Access Control เป็นระบบที่ช่วยกำหนดสิทธิ์และระบุตัวตนผู้เข้าออกสถานที่นั้นๆ โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ ได้แก่ ระบบ Access Control สำหรับบุคคล และระบบ Access Control สำหรับยานพาหนะ

ระบบ Access Control สำหรับบุคคล มีไว้เพื่อตรวจสอบสิทธิ์การเข้า- ออกของบุคคลในพื้นที่ โดย อาจมีอุปกรณ์ยืนยันตัวตนแบบอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ ระบบสแกนใบหน้า เครื่องอ่านลายนิ้วมือ หรือเครื่องคีย์การ์ดติดตั้งไว้บริเวณประตูทางเข้า ประตูลิฟต์ หรือตามห้องสำคัญต่างๆ ที่ต้องจำกัดการเข้าถึงเฉพาะผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น

ส่วน Access Control สำหรับยานพาหนะที่หลายคนอาจคุ้นเคยดีคงหนีไม่พ้น ไม้กั้นรถเข้า-ออก ซึ่งอาจเชื่อมต่อกับระบบคัดกรองผู้มีสิทธิ์เข้าออกสถานที่ มีการบันทึกและอ่านข้อมูลป้ายทะเบียนรถยนต์ และเวลาเข้า-ออก ซึ่งหากเป็นบุคคลภายนอก อาจต้องมีการแลกบัตร ลงทะเบียนรถยนต์ล่วงหน้า หรือออกตั๋วจอดรถก่อนที่จะเข้าไปภายในพื้นที่ได้

472280902 468947132916326 3000754562701581562 n
ตัวอย่างระบบไม้กั้นจาก LIV-24 Solution ที่ใช้แก้ปัญหาการเข้า-ออก

4. ระบบตรวจจับและแจ้งเตือนภัยแบบอิเล็กทรอนิกส์ (ESS)

ระบบนี้มีไว้เพื่อแจ้งเตือนผู้ใช้สถานที่ ผู้ดูแลสถานที่ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ในกรณีเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน โดยเป็นการนำอุปกรณ์เตือนภัยมาทำงานร่วมกับเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อรักษาความปลอดภัย  ซึ่งแต่ละระบบจะกำกับดูแลเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยที่ต่างกันไป เช่น อุปกรณ์ตรวจจับควันหรือความร้อน เพื่อแจ้งเตือนในกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ อุปกรณ์ตรวจจับน้ำรั่ว ไฟฟ้าลัดวงจร ไปจนถึงระบบการตรวจจับขโมยและผู้บุกรุกตามจุดต่างๆ รอบสถานที่ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สถานที่อพยพได้ทันท่วงที หรือให้เจ้าหน้าที่เข้าระงับเหตุการณ์ได้แบบเรียลไทม์

จะเห็นได้ว่าจากระบบรักษาความปลอดภัยที่กล่าวมาทั้งหมด แต่ละระบบล้วนมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป ดังนั้นการผสมผสานระบบต่างๆ เข้าด้วยกันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ ได้อย่างครอบคลุม

ข้อดีของการวางระบบรักษาความปลอดภัยอย่างครอบคลุม 

[LIV 24] SEO NOV C01 2 1200x628

1. ลดความเสี่ยงและป้องกันอันตรายในสถานที่

ประโยชน์อันดับแรกของระบบรักษาความปลอดภัย คือ การช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เสมือนการลงทุนความเสี่ยง ป้องกันได้ดีกว่าตั้งแต่แรก หากยิ่งมีการวางระบบที่ครอบคลุมทุกเหตุการณ์ ยิ่งช่วยให้สามารถตรวจจับและรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการอพยพ การเข้าควบคุมตัวผู้ก่อเหตุ หรือการแจ้งเตือนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 

2. ป้องกันการสูญหาย หรือการสูญเสีย

ข้อได้เปรียบของการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ คือ ความสามารถในการช่วยป้องกันการสูญเสียทรัพย์สินและชีวิต โดยเฉพาะระบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตรวจจับและแจ้งเตือนเหตุการณ์แบบเรียลไทม์ เช่น สัญญาณกันขโมย หรือสัญญาณเตือนอัคคีภัย

3. ป้องกันการบุกรุกจากภายนอก

ระบบควบคุมการเข้า-ออกและกล้อง CCTV ที่ทำงานร่วมกันสามารถช่วยป้องกันการบุกรุกจากบุคคลภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะนอกจากจะคัดกรองสิทธิ์การเข้าถึงของผู้ที่เข้ามาแล้ว ยังสามารถตรวจจับและระบุตัวตนของผู้ไม่ประสงค์ดีได้ โดยเฉพาะเมื่อนำเทคโนโลยีทันสมัยอย่าง AI มาใช้กับกล้องวงจรปิด หรืออุปกรณ์ตรวจจับความเคลื่อนไหวรอบสถานที่ 

4. มีหลักฐานบันทึก สำหรับตรวจสอบ วิเคราะห์ ปรับปรุง และดำเนินการทางกฎหมาย

ข้อมูลที่บันทึกไว้ เช่น ภาพจากกล้องวงจรปิด ข้อมูลป้ายทะเบียน บันทึกเวลาการเข้า-ออก ล้วนสามารถนำมาใช้วิเคราะห์และปรับปรุงระบบ เพื่อพัฒนาระบบความปลอดภัยให้ครอบคลุมและตอบโจทย์สถานที่นั้นๆ

นอกจากนี้ ข้อมูลบันทึกต่างๆ ยังสามารถใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินการทางกฎหมาย ทั้งการติดตามผู้บุกรุก การเคลมประกันวินาศภัย ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งความสำคัญของระบบรักษาความปลอดภัยที่ไม่ควรมองข้าม

การลงทุนด้านระบบรักษาความปลอดภัยที่ครบวงจรและมีประสิทธิภาพ ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว เพราะนอกจากจะช่วยปกป้องชีวิตและทรัพย์สินแล้ว ยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้บริการ บุคลากร และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย อย่างไรก็ตาม การเลือกระบบและผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือและมีความเชี่ยวชาญ ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้การลงทุนนี้คุ้มค่า และเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยได้อย่างยั่งยืน 

สำหรับองค์กรที่กำลังมองหาระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะที่ครบวงจร ตอบโจทย์การใช้งานทั้งในปัจจุบันและอนาคต LIV-24 คือ ผู้นำด้านโซลูชันความปลอดภัย ด้วยการผสานเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ากับการบริการที่ครอบคลุม

รู้จักโซลูชันระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะจาก LIV-24

ในฐานะผู้นำและคิดค้นเทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ LIV-24 พร้อมยกระดับความปลอดภัยของพื้นที่ โครงการ และสถานที่สำคัญต่างๆ ให้มากกว่าที่เคย ด้วยโซลูชันเหนือระดับและฟังก์ชันที่ครอบคลุมมากกว่าการรักษาความปลอดภัย พร้อมช่วยให้มั่นใจยิ่งขึ้น ด้วยบริการครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษา ติดตั้ง เฝ้าระวังภัยตลอด 24 ชั่วโมง ไปจนถึงการดูแลซ่อมแซมระบบตลอดการใช้งาน

452656191 356077840869923 6965722192154179517 n (1)
คัดกรองความปลอดภัยตั้งแต่ก่อนเข้าโครงการด้วย LIV-24 Solution
  • AI CCTV Analytic และ Motion Sensorกล้อง CCTV อัจฉริยะ ตรวจจับความผิดปกติด้วย AI ทั้งบุคคลน่าสงสัย สัตว์ ไปจนถึงสิ่งที่มองไม่เห็นอย่างควันไฟ เพื่อแจ้งเตือนระงับเหตุได้ทันท่วงที
  • License Plate Recognition (LPR) – ระบบอ่านป้ายทะเบียนอัจฉริยะที่ช่วยควบคุมการเข้า-ออกของยานพาหนะ ทำงานร่วมกับประตูอัตโนมัติหรือไม้กั้น ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านอุปกรณ์การสแกนเข้าออกได้ถึง 40% เมื่อเทียบกับระบบดั้งเดิม
  • Digital Fence – เซนเซอร์ตรวจจับความผิดปกติรอบรั้วของพื้นที่ แจ้งเตือนทันทีเมื่อมีการเคลื่อนไหวตามแนวรั้ว
  • Real Time Guard Tour – คอยตรวจสอบสถานะการเดินตรวจตราตามจุดต่างๆ ของรปภ. 
  • Visitor Management System – ระบบควบคุมการเข้า-ออกโครงการ สามารถบันทึกข้อมูล อ่านป้ายทะเบียนรถ ระบุตัวตนผู้เข้ามาในพื้นที่ได้ หมดกังวลเรื่องผู้บุกรุก
  • Access Control – ควบคุมบุคคลเข้าออกพื้นที่ ด้วยระบบ Face Scan สแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกประตู และ LRP (License Plate Reader) อ่านป้ายทะเบียนก่อนเข้าสถานที่ ทำให้สามารถควบคุมพื้นที่ได้ตั้งแต่ห้องห้องเดียวหรือทั้งโครงการก็ได้
  • Command Centre – ศูนย์ควบคุมส่วนกลางของ LIV-24 เฝ้าสังเกตการณ์แบบ Real-Time ตลอด 24 ชั่วโมง ตลอด 7 วัน ไม่มีหยุดพัก

อีกทั้ง LIV-24 ยังพัฒนาเทคโนโลยี IoT Management System ใช้ในการตรวจสอบ วิเคราะห์ และแสดงผลการทำงานของอุปกรณ์ในระบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟฟ้า ประปา ลิฟต์โดยสาร คุณภาพอากาศ และการใช้พลังงาน ยิ่งไปกว่านั้น หากเชื่อมต่อกับ Command Centre แล้วหากพบเหตุผิดปกติ สามารถระบุเหตุการณ์และจุดเกิดเหตุได้สามารถประสานงานกับผู้ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและแก้ไขได้ทันที ลดความเสียหายและค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง ป้องกันได้แม่นยำ ยกระดับธุรกิจ สร้างความเชื่อมั่น เพิ่มสมรรถภาพการทำงานของทุกระบบ 

Activate you security

ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิม เพิ่มประสิทธิภาพ ด้วย LIV-24 (ลิฟ-24)
เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพ ปกป้อง ปลอดภัย ผสานพลัง AI และมนุษย์ ตลอด 24/7
ให้ LIV-24 ช่วยวิเคราะห์ความเสี่ยง สร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์ธุรกิจคุณโดยเฉพาะ 02 688 7555 หรือ คลิกที่นี่

แชร์ข่าวและบทความ
Rectangle 9437

ข่าวและบทความที่น่าสนใจ

To top
Interested in our solutions?
Feel Free to download
E-brochure

"*" indicates required fields

This field is for validation purposes and should be left unchanged.