ระบบบริหารจัดการพลังงาน (Energy Management System) คืออะไร ? มีความสำคัญอย่างไร

ปัจจุบันระบบบริหารจัดการพลังงาน (Energy Management System) มีความบทความสำคัญอย่างมากสำหรับอาคารพาณิชย์ หรือธุรกิจที่มีการใช้งานพื้นที่ มีผู้คนหมุนเวียนเข้ามาใช้งานในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า โรงเรียน โรงแรม โรงพยาบาล ร้านอาหาร โกดัง หรือโรงงานอุตสาหกรรม อาคารเหล่านี้ต้องมีการก่อสร้างที่เป็นไปตามมาตรฐานและกฎข้อบังคับทั้งทางด้านวิศวกรรมอาคาร

อีกเรื่องที่สำคัญคือ ควรจัดวาง “ระบบจัดการพลังงาน (Energy Management)” อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ไม่เกิดผลกระทบกับการใช้งานประจำวัน ทั้งระบบไฟฟ้า ประปา และระบบดับเพลิง อีกทั้งยังช่วยให้ธุรกิจสามารถลดต้นทุนการดำเนินงานของสถานที่ได้ดี

Energy Management System คืออะไร?

Energy Management System (EMS) คือ ระบบบริหารจัดการพลังงานที่ใช้ในการควบคุม จัดการ กำกับดูแล และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของอุปกรณ์ต่างๆ ภายในสถานที่ เช่น ปั๊มน้ำ ไฟส่องสว่าง เครื่องปรับอากาศ ฯลฯ

ซึ่งปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีอย่างระบบ IoT มาประยุกต์ใช้ในการการจัดการพลังงาน เพื่อให้การจัดการพลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการติดตั้งระบบ Energy Management อย่างถูกต้องและเหมาะสมสามารถให้ประโยชน์แก่ธุรกิจผู้เป็นเจ้าของอาคารพาณิชย์ได้หลายด้าน

ระบบบริการจัดการพลังงาน มีกี่ประเภท

1.ระบบจัดการพลังงานในบ้าน

ระบบจัดการพลังงานในบ้าน (Home Energy Management System : HEMS) คือ ระบบบริหารและควบคุมการใช้พลังงานภายในบ้านอย่างมีประสิทธิภาพ โดยระบบนี้สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ เช่น เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น หรือแผงโซล่าร์เซลล์ เพื่อให้เจ้าของบ้านสามารถตรวจสอบและจัดการการใช้พลังงานได้แบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์มออนไลน์

2.ระบบจัดการพลังงานในอาคาร

ระบบจัดการพลังงานในอาคาร (Building Energy Management System : BEMS) คือ ระบบช่วยบริหารและควบคุมการใช้พลังงานในอาคารอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการรวมข้อมูลจากอุปกรณ์และระบบต่างๆ เช่น ระบบไฟฟ้า ระบบปรับอากาศ และระบบเครื่องจักร เพื่อวิเคราะห์และจัดการการใช้พลังงานให้เหมาะสมที่สุด

3.ระบบจัดการพลังงานในโรงงาน

ระบบจัดการพลังงานในโรงงาน (Factory Energy Management System : FEMS) คือ ระบบสำหรับจัดการพลังงานในโรงงานอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการรวบรวมข้อมูลการใช้พลังงานจากเครื่องจักรและระบบต่างๆ ภายในโรงงาน เพื่อนำมาวิเคราะห์และปรับปรุงกระบวนการผลิตให้เกิดความคุ้มค่าที่สุด FEMS ช่วยลดต้นทุนด้านพลังงาน ป้องกันการสูญเสียพลังงานที่ไม่จำเป็น และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ประโยชน์ของ Energy Management System

1.ช่วยลดต้นทุนด้านพลังงาน

ประโยชน์หลักของระบบจัดการพลังงาน คือ การแจ้งสถานะการใช้พลังงานของอาคารสถานที่ รวมถึงควบคุมการใช้พลังงานเพื่อลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เช่น ระบบเปิด-ปิดไฟส่องสว่างอัตโนมัติ ระบบแจ้งเตือนการใช้พลังงานที่ผิดปกติ เป็นต้น

2.ช่วยวางแผนซ่อมบำรุงอย่างมีประสิทธิภาพ

เมื่อทราบถึง ลักษณะการใช้พลังงานของระบบต่างๆ ผู้ดูแลระบบหรือสถานที่สามารถวางแผนการบำรุงรักษาได้แบบไร้รอยต่อ รวมถึงสามารถดำเนินการแก้ไขหรือซ่อมแซมระบบได้ทันทีเมื่อเกิดปัญหา ลดโอกาสเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน และช่วยประหยัดเวลา

3.ลด Carbon Footprint

รายงานของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ระบุว่า จากการใช้พลังงานทั่วโลกทั้งหมด 40% มีการปล่อยก๊าซคาร์บอน ในปัจจุบัน มีการรณรงค์ลดการปล่อยมลพิษในหลายด้าน ซึ่งการใช้งานระบบจัดการการใช้พลังงานในอาคาร สามารถลดการใช้พลังงาน

4.ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน

เนื่องจากระบบ Energy Management System สามารถควบคุมและติดตามพลังงานแบบเรียลไทม์ จึงช่วยให้องค์กรสามารถปรับปรุงกระบวนการต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เช่น การปรับอัตราการใช้พลังงานในช่วงเวลาที่มีการใช้งานสูงสุด (Peak Demand) หรือการปรับปรุงการทำงานของเครื่องจักรและอุปกรณ์

ระบบ Energy Management นำไปใช้งานด้านไหนได้บ้าง

หากถามว่าระบบจัดการพลังงานสามารถนำไปใช้งานด้านไหนได้บ้าง หลายคนอาจบอกว่าระบบ Energy Management มักใช้สำหรับการควบคุมการใช้ไฟฟ้า ทั้งนี้ ระบบการจัดการพลังงานนั้นครอบคลุมไปถึงระบบต่างๆ ภายในสถานที่ ได้แก่ 

• ระบบไฟฟ้า (Electrical Management)

ช่วยมอนิเตอร์การใช้พลังงานไฟฟ้า และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่ใช้ไฟฟ้า แจ้งเตือนเมื่อเกิดเหตุขัดข้องในระบบไฟฟ้า เช่น กรณีไฟรั่ว ไฟเกิน มีแรงไฟฟ้าสูงหรือต่ำกว่าปกติ เพื่อให้ผู้ใช้อาคารสถานที่ใช้งานได้อย่างราบรื่น

• ระบบประปา (Water Management)

ควบคุมและกำกับดูแลปั๊มน้ำ แรงดันน้ำให้คงที่ รวมถึงระบบหมุนเวียนบำบัดน้ำเสีย พร้อมแจ้งเตือนในกรณีเกิดเหตุน้ำรั่วไหล สามารถเข้าแก้ไขและซ่อมบำรุงได้อย่างตรงจุด

• แสงสว่าง (Light Management)

จัดการการใช้แสงสว่างภายในอาคาร ตรวจสอบลักษณะการใช้แสงไฟของสถานที่ ช่วยในการวางแผนปรับลักษณะการใช้งานแสงไฟ  รวมถึงวางแผนเปิด-ปิดระบบไฟอัตโนมัติช่วง On-Peak/Off-Peak

• ลิฟต์โดยสาร (Elevator Management)

ตรวจสอบการทำงานของลิฟต์โดยสาร ลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุจากลิฟต์ขัดข้องหรือลิฟต์ค้าง

จะเห็นได้ว่า Energy Management System นั้นครอบคลุมถึงแทบทุกระบบภายในสถานที่ ซึ่งนับว่ามีความสำคัญอย่างมาก เพราะสามารถช่วยให้ธุรกิจ ลดค่าใช้จ่ายและงบประมาณด้านพลังงานที่ไม่จำเป็น รวมถึงมีส่วนช่วยในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ช่วยรักษ์โลก มุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนาคต

ซึ่งนอกเหนือจากระบบจัดการพลังงานโดยทั่วไปแล้ว ทาง LIV-24 ได้นำเทคโนโลยี IoT มาประยุกต์ใช้ เพื่อยกระดับการตรวจจับการทำงานของทุกระบบในอาคารอย่างมีประสิทธิภาพ 

โซลูชัน Energy Management System อัจฉริยะด้วย IoT จาก LIV-24

IoT Monitoring System คือ ระบบอัจฉริยะจาก LIV-24 ที่เป็นโซลูชันด้านการบริหารจัดการพลังงาน เพื่อยกระดับการดูแลสถานที่ให้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

• FIRE EDGE IoT 

ระบบป้องกันอัคคีภัยที่คิดค้นโดย LIV-24 รู้ปัญหาได้ทันท่วงที ป้องกันเหตุไฟไหม้ลุกลาม สามารถรู้สถานะการทำงานของอุปกรณ์ว่าปกติหรือไม่ ช่วยปกป้องชีวิตและทรัพย์สินอันมีค่า อีกทั้งยังประหยัดพื้นที่ และค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง

• ENERGY MANAGEMENT

ระบบจัดการพลังงานผ่าน IoT ที่มีฟังก์ชันหลากหลาย เช่น การจัดเก็บข้อมูลการใช้พลังงานในอาคารหรือสถานที่ สามารถวางแผนการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน

• VEHICLE FLEET MANAGEMENT 

เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งของธุรกิจโรงงาน โกดัง และโรงงานอุตสาหกรรม โดยสามารถติดตามการขนส่งแบบเรียลไทม์ ตรวจสอบพฤติกรรมผู้ขับขี่ ป้องกันการออกนอกเส้นทาง รวมถึงช่วยวิเคราะห์อัตราการบริโภคน้ำมันเพื่อป้องกันการขโมยน้ำมัน

• WASTE WATER MANAGEMENT​

ระบบดูแลจัดการปั๊มน้ำ และระบบหมุนเวียนบำบัดน้ำเสีย พร้อมแจ้งเตือนทันทีเมื่อเกิดเหตุน้ำรั่ว มีอัตราการไหลของน้ำผิดปกติ

• ELEVATOR SYSTEM

ระบบลิฟต์โดยสารอัจฉริยะ ช่วยตรวจจับการทำงานผิดปกติของลิฟต์ที่อาจขัดข้อง ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้ พร้อมมีการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ แจ้งผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้าไปตรวจสอบ ทำให้สามารถซ่อมแซมได้ก่อนที่จะมีผลกระทบต่อผู้ใช้งาน

• ELECTRICAL MANAGEMENT​

ระบบแจ้งเตือนความผิดปกติเกี่ยวกับไฟฟ้า เช่น เมื่อมีแรงดันไฟฟ้าสูง หรือต่ำกว่าปกติ ช่วยให้ดูแลระบบไฟฟ้าภายในอาคารให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ผู้ใช้อาคารสามารถทำงานและใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่น​

นอกจากเทคโนโลยี IoT Monitoring System สำหรับกำกับดูแลการใช้พลังงานแล้ว  LIV-24 ยังเป็นผู้นำด้านโซลูชันความปลอดภัยแบบรอบด้าน ช่วยจัดการความเสี่ยงในอาคารและโครงการหลากหลายรูปแบบ ทั้งโครงการบ้านจัดสรรและคอนโด โรงงานอุตสาหกรรม โรงพยาบาล โรงแรม รีสอร์ท โชวร์รูม ไปจนถึงคลังเก็บสินค้า และอื่นๆ โดยสามารถออกแบบให้เหมาะได้กับทุกพื้นที่ ทำงานตลอด 24/7 ช่วยลด Human Error เพื่อความปลอดภัยครบวงจร เช่น 

• AI CCTV Analytic และ Motion Sensor – กล้อง CCTV อัจฉริยะ ตรวจจับความผิดปกติด้วย AI ทั้งบุคคลน่าสงสัย สัตว์ ไปจนถึงสิ่งที่มองไม่เห็นอย่างควันไฟ เพื่อแจ้งเตือนระงับเหตุได้ทันท่วงที

• Digital Fence – เซนเซอร์ตรวจจับความผิดปกติรอบรั้วของพื้นที่ แจ้งเตือนทันทีเมื่อมีการเคลื่อนไหวตามแนวรั้ว

• Real Time Guard Tour – คอยตรวจสอบสถานะการเดินตรวจตราตามจุดต่างๆ ของรปภ. 

• Visitor Management System – ระบบควบคุมการเข้า-ออกโครงการ สามารถบันทึกข้อมูล อ่านป้ายทะเบียนรถ ระบุตัวตนผู้เข้ามาในพื้นที่ได้ หมดกังวลเรื่องผู้บุกรุก

• Access Control – ควบคุมบุคคลเข้าออกพื้นที่ ด้วยระบบ Face Scan สแกนใบหน้าเพื่อปลอดล็อกประตูและ LRP (License Plate Reader) อ่านป้ายทะเบียนก่อนเข้าสถานที่ ทำให้สามารถควบคุมพื้นที่ได้ตั้งแต่ห้องห้องเดียวหรือทั้งโครงการก็ได้ 

• Command Centre – ศูนย์ควบคุมส่วนกลางของ LIV-24 เฝ้าสังเกตการณ์แบบ Real-Time ตลอด 24 ชั่วโมง   

ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิม เพิ่มประสิทธิภาพ ด้วย LIV-24 (ลิฟ-24)
เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพ ปกป้อง ปลอดภัย ผสานพลัง AI และมนุษย์ ตลอด 24/7
ให้ LIV-24 ช่วยวิเคราะห์ความเสี่ยง สร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์ธุรกิจคุณโดยเฉพาะ 02 688 7555 หรือ คลิกที่นี่