สถานที่ต่างๆ ล้วนจำเป็นต้องมีระบบรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะอาคารพาณิชย์ โรงงานอุตสาหกรรม และสถานที่ที่มีผู้คนเข้า-ออกจำนวนมาก ซึ่งต้องมีขั้นตอนการดำเนินงานและมาตรฐานความปลอดภัยที่รัดกุม
โดยเฉพาะการจำกัดสิทธิการเข้าถึงสถานที่ทำงานและห้องสำคัญต่างๆ เช่น ห้องเซิร์ฟเวอร์ ห้องควบคุมกล้องวงจรปิด หรือห้องเก็บเอกสารสำคัญและของมีค่า เพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลและการโจรกรรมทรัพย์สิน
ด้วยเหตุนี้ ระบบสแกนใบหน้า (Face Scan) จึงมีบทบาทสำคัญในการยกระดับความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในการควบคุมการเข้า-ออกสถานที่
ระบบสแกนใบหน้า คืออะไร
ระบบสแกนใบหน้า (Face Scan หรือ Face Recognition) คือ เทคโนโลยีการเข้าถึงหรือ Access Control ที่ทำงานโดยอาศัยการจดจำโครงสร้างใบหน้า เพื่อยืนยันตัวตนและอนุญาตให้บุคคลเข้าถึงพื้นที่หรือระบบต่างๆ ตามสิทธิ์ที่กำหนดไว้
ระบบนี้ทำงานผ่านการตรวจจับและวิเคราะห์ลักษณะทางกายภาพของใบหน้า เช่น ระยะห่างระหว่างดวงตา รูปร่างจมูก และโครงสร้างกระดูกใบหน้า เพื่อสร้างข้อมูลอ้างอิงเฉพาะบุคคล โดยระบบดังกล่าวถูกจัดให้อยู่ในระบบยืนยันตัวตนด้วยไบโอเมทริกซ์ (Biometrics)
ซึ่งนิยมใช้กับระบบควบคุมการเข้า-ออกอัตโนมัติ รวมถึงระบบล็อกอิเล็กทรอนิกส์ในการคัดกรองบุคคล อีกทั้งยังใช้ในการบันทึกเวลาเข้าทำงานได้ด้วย
ยกตัวอย่าง การใช้งานระบบสแกนใบหน้าในการรักษาความปลอดภัย เช่น การติดตั้งระบบที่ทางเข้า-ออกอาคารสำนักงาน เพื่อควบคุมการเข้าถึงเฉพาะพนักงานและผู้ที่ได้รับอนุญาต หรือการใช้ในการเข้าถึงห้องเก็บทรัพย์สินมีค่าและห้องเซิร์ฟเวอร์ที่เก็บข้อมูลสำคัญขององค์กร
ช่วยเพิ่มความมั่นใจว่าเฉพาะผู้ที่มีสิทธิ์เท่านั้นที่สามารถเข้าถึงพื้นที่เหล่านี้ได้ แม้จะมีผู้คนผ่านไปมาตลอดเวลา
ระบบสแกนใบหน้า มีอะไรบ้าง
ระบบสแกนใบหน้าสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่
1. ระบบการจดจำใบหน้าแบบ 2 มิติ (2D)
เป็นระบบดั้งเดิมที่ใช้การจดจำใบหน้าจากภาพถ่าย 2 มิติ โดยระบบสแกนใบหน้านี้มีข้อจำกัด คือ สามารถจดจำใบหน้าได้เพียงมุมมองเดียว และผู้ใช้งานต้องหันหน้าเข้าหากล้องในมุมที่เหมาะสม (อย่างน้อย 35 องศา) จึงจะสามารถสแกนได้ ส่งผลให้มีความแม่นยำน้อยกว่าเมื่อเทียบกับระบบ 3 มิติ
2. ระบบการจดจำใบหน้าแบบ 3 มิติ (3D)
เป็นเทคโนโลยีการสแกนใบหน้าที่ทันสมัยกว่าและเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน โดยใช้การจดจำใบหน้าในรูปแบบ 3 มิติ ซึ่งสามารถวิเคราะห์ได้ทั้งความกว้าง ความยาว และความลึก ทำให้สามารถจดจำใบหน้าได้หลายมุมมอง และมีความแม่นยำสูงกว่าระบบ 2 มิติ
ซึ่งระบบนี้สามารถตรวจจับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ บนใบหน้าได้ดีกว่า เช่น โครงสร้างกระดูก ลักษณะเฉพาะของดวงตา จมูก และริมฝีปาก
ระบบสแกนใบหน้ายืนยันตัวตน มีหลักการทำงานอย่างไร

ระบบสแกนใบหน้ายืนยันตัวตนทำงานโดยใช้เทคโนโลยีการประมวลผลภาพ (Image Processing) ร่วมกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการ Machine Learning โดยมีขั้นตอนการทำงานดังนี้
1. ตรวจจับใบหน้า: กล้องจะตรวจจับและระบุตำแหน่งของใบหน้าในภาพ
2. วิเคราะห์ลักษณะเด่น: ระบบจะวิเคราะห์ลักษณะเด่นของใบหน้า เช่น ระยะห่างระหว่างดวงตา รูปร่างจมูก โครงสร้างกระดูก และลักษณะเฉพาะอื่นๆ
3. สร้างข้อมูลอ้างอิง: ระบบจะแปลงข้อมูลลักษณะเด่นเหล่านี้เป็นรหัสดิจิทัลหรือ “ลายพิมพ์ใบหน้า” ที่ไม่ซ้ำกัน
4. เปรียบเทียบข้อมูล: เมื่อมีการสแกนใบหน้า ระบบจะเปรียบเทียบข้อมูลที่ได้กับฐานข้อมูลที่มีอยู่
5. ยืนยันตัวตน: เมื่อข้อมูลจากการสแกนใบหน้าตรงกับฐานข้อมูลที่บันทึกไว้ ระบบจะยืนยันตัวตนและอนุญาตให้เข้าถึงตามสิทธิ์ที่กำหนด
ประโยชน์ของระบบสแกนใบหน้าต่อธุรกิจ
หากถามว่าระบบสแกนใบหน้าปลอดภัยไหม ขอตอบว่าเป็นระบบที่ปลอดภัยอย่างแน่นอน ซึ่งนอกจากด้านการรักษาความปลอดภัยสำหรับการเข้าถึงสถานที่ ประโยชน์ของระบบสแกนใบหน้ายังมีอีกหลายด้าน ได้แก่
- ป้องกันการปลอมแปลงตัวตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เนื่องด้วยความซับซ้อนและความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการสแกนใบหน้า ส่งผลให้การปลอมแปลงใบหน้าทำได้ยากกว่า เมื่อเทียบกับการปลอมแปลงบัตรพนักงานหรือการแฮ็กรหัสผ่าน ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับองค์กร
- ช่วยประหยัดเวลาและงบประมาณ
การสแกนหน้าลดความจำเป็นในการใช้บัตรผ่าน หรืออุปกรณ์ยืนยันตัวตนอื่นๆ ซึ่งอาจมีโอกาสสูญหายหรือเสียหายได้ อีกทั้งยังลดภาระในการจัดการระบบบัตรหรือรหัสผ่านด้วย
- ช่วยให้พนักงานและผู้มาติดต่อสามารถเข้า-ออกสถานที่ได้อย่างรวดเร็ว
กระบวนการการสแกนใบหน้าใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที ช่วยลดเวลาในการรอคอย ลดความแออัดภายในสถานที่ และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานในระยะยาว
- ตอบโจทย์วิถี New Normal
ช่วยลดการสัมผัสร่วมกันระหว่างผู้ใช้งานสถานที่ เมื่อเทียบกับการใช้เครื่องสแกนลายนิ้วมือหรือการแลกบัตรผ่าน สอดคล้องกับมาตรการรักษาความสะอาดและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคในยุค New Normal
จะเห็นได้ว่าระบบสแกนใบหน้าเป็นเทคโนโลยีที่มีประโยชน์อย่างมากในการยกระดับความปลอดภัยและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับองค์กร ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันการปลอมแปลงตัวตน หรือช่วยในการประหยัดเวลาและทรัพยากร
อย่างไรก็ตาม การเลือกระบบสแกนใบหน้าที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับความต้องการขององค์กรนั้นเป็นสิ่งสำคัญ ด้วยเหตุนี้ การพิจารณาโซลูชันที่ครอบคลุมและได้มาตรฐานจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
แนะนำโซลูชันความปลอดภัย พร้อมระบบสแกนใบหน้า จาก LIV-24
การเพิ่มประสิทธิภาพระบบการเข้าถึงสถานที่เป็นองค์ประกอบการรักษาความปลอดภัยที่เจ้าของธุรกิจและสถานที่ไม่ควรมองข้าม โดย LIV-24 นำเสนอโซลูชัน Access Control ที่ครอบคลุม ล้ำสมัย และมีประสิทธิภาพสูง ประกอบด้วย
Face Scan – ควบคุมบุคคลที่เข้า-ออกพื้นที่ด้วยระบบสแกนใบหน้า สำหรับการเปิดประตูเข้าตึก เขตพื้นที่ หรือห้องสำคัญ ป้องกันบุคคลภายนอกเข้ามาในพื้นที่ ลดความเสี่ยง ป้องกันความเสียหายภายใน
VMS (Visitor Management System) – ระบบจัดการผู้มาติดต่อ รองรับการลงทะเบียนล่วงหน้า (Pre-register) และการสร้าง QR Code สำหรับผู้มาเยือน
License Plate Reader (LPR) – ควบคุมบุคคลการเข้า-ออกยานพาหนะ เช่น ไม้กั้น ประตูมอเตอร์ หรือประตูอัตโนมัติ ด้วยระบบอ่านป้ายทะเบียนอัจฉริยะ มั่นใจได้ว่ายานพาหนะที่เข้าในพื้นที่ได้รับอนุญาตแล้ว หมดกังวลเรื่องอุปกรณ์เข้าพื้นที่ (การ์ด, บลูทูธ) หาย แบตเตอรี่หมด หรือถูกขโมยโดยผู้ไม่หวังดี
ทั้งยังมีการนำ AI มาใช้อ่านป้ายทะเบียน (License Plate Recognition) เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านอุปกรณ์ในการสแกนเข้าออกได้ถึง 40% เมื่อเทียบกับระบบเดิมอย่างระบบ Keycard, RFID ทำให้การลงทุนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- LIV-24 Visitor Management System – ยกระดับระบบ VMS แบบเดิมให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น ด้วยระบบจัดการเก็บข้อมูลผู้มาติดต่อแบบดิจิตอล ที่มาพร้อมระบบลงทะเบียนผู้มาติดต่อล่วงหน้า (Pre-Register) เพื่ออำนวยความสะดวก ไม่ต้องแลกบัตรประชาชน สามารถตรวจสอบตัวตนได้ง่าย รวมถึงมีระบบคำนวณค่าจอดรถที่เชื่อมต่อกับระบบ Online Payment
นอกจากนี้ LIV-24 ยังมีโซลูชันความปลอดภัยอื่นๆ เพื่อเสริมประสิทธิภาพการรักษาความปลอดภัย ได้แก่
AI CCTV Analytic ที่มี Motion Sensor – กล้อง CCTV อัจฉริยะ ตรวจจับความผิดปกติด้วย AI ทั้งบุคคลน่าสงสัย สัตว์ ไปจนถึงสิ่งที่มองไม่เห็นอย่างควันไฟ เพื่อแจ้งเตือนระงับเหตุได้ทันท่วงที
Digital Fence – เซนเซอร์ตรวจจับความผิดปกติรอบรั้วของพื้นที่ แจ้งเตือนทันทีเมื่อมีการเคลื่อนไหวตามแนวรั้ว
Real Time Guard Tour – คอยตรวจสอบสถานะของการเดินตรวจตราตามจุดต่างๆ ของรปภ. มั่นใจได้ว่าทุกพื้นที่ได้รับการตรวจสอบ
Visitor Management System – ระบบควบคุมการเข้า-ออกโครงการ สามารถบันทึกข้อมูล อ่านป้ายทะเบียนรถ ระบุตัวตนผู้เข้ามาในพื้นที่ได้ หมดกังวลเรื่องผู้บุกรุก
- Command Centre – ศูนย์ควบคุมส่วนกลางของ LIV-24 เฝ้าสังเกตการณ์แบบ Real-Time ตลอด 24 ชั่วโมง
อีกทั้ง LIV-24 ยังพัฒนาเทคโนโลยี IoT Management System ใช้ในการตรวจสอบ วิเคราะห์ และแสดงผลการทำงานของอุปกรณ์ในระบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟฟ้า ประปา ลิฟต์โดยสาร คุณภาพอากาศ และการใช้พลังงาน
ยิ่งไปกว่านั้น หากเชื่อมต่อกับ Command Centre แล้วหากพบเหตุผิดปกติ สามารถระบุเหตุการณ์และจุดเกิดเหตุได้สามารถประสานงานกับผู้ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและแก้ไขได้ทันที ลดความเสียหายและค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง ป้องกันได้แม่นยำ ยกระดับธุรกิจ สร้างความเชื่อมั่น เพิ่มสมรรถภาพการทำงานของทุกระบบ
สนใจรายละเอียดการติดตั้ง LIV-24 ติดต่อปรึกษาได้ที่ 02 688 7555 หรือ cscontact@
หรือบริการอื่นๆ เพิ่มเติมที่ liv-24.com

ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิม เพิ่มประสิทธิภาพ ด้วย LIV-24 (ลิฟ-24)
เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพ ปกป้อง ปลอดภัย ผสานพลัง AI และมนุษย์ ตลอด 24/7
ให้ LIV-24 ช่วยวิเคราะห์ความเสี่ยง สร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์ธุรกิจคุณโดยเฉพาะ 02 688 7555 หรือ คลิกที่นี่