5 วิธีเพิ่มความปลอดภัยในบ้าน อุ่นใจในทุกเวลาที่พักผ่อน

บ้านที่ดี คือ บ้านที่อยู่แล้วสบายใจ การรักษาความปลอดภัยในบ้านจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิต ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยวหรือโครงการหมู่บ้านจัดสรร เพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ทั้งการโจรกรรม การบุกรุก สัตว์มีพิษ เหตุเพลิงไหม้ หรือแม้อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากสิ่งของภายในบ้าน ดังนั้น การรู้จักวิธีเพิ่มความปลอดภัยในบ้านจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยลดความเสี่ยงและสร้างความอุ่นใจให้กับทุกคนในครอบครัว 

มาดูกันว่าจะมีแนวทางการเพิ่มความปลอดภัยในบ้านอย่างไรที่เจ้าของบ้านสามารถนำไปใช้ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยรอบสถานที่อยู่อาศัย พักผ่อนในบ้านได้อย่างไร้กังวล

แนะนำ 5 วิธีเพิ่มความปลอดภัยในบ้าน

การเพิ่มความปลอดภัยให้กับที่พักอาศัยไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณสูง เพียงเริ่มต้นจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ และเลือกใช้อุปกรณ์ความปลอดภัยที่เหมาะสม ก็สามารถยกระดับความปลอดภัยในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

1. ติดไฟส่องสว่างให้ทั่วบริเวณบ้าน

ความมืดและช่วงเวลากลางคืน เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของอุบัติเหตุภายในบ้าน ทั้งการสะดุดล้มจากการมองไม่เห็นสิ่งกีดขวาง ถูกขูดหรือถูกบาดจากเฟอร์นิเจอร์และของมีคมต่างๆ ในบ้าน อีกทั้งยังเป็นที่ดึงดูดสัตว์มีพิษ รวมถึงผู้ไม่หวังดีให้เข้ามาในบริเวณบ้าน ดังนั้น การติดตั้งระบบไฟส่องสว่างให้ทั่วถึงจึงถือเป็นการป้องกันภัยในชั้นแรกสุด 

ควรติดตั้งไฟส่องสว่างให้ครอบคลุมรอบบริเวณบ้าน ไม่ว่าจะเป็นหน้าบ้าน ข้างบ้านซ้าย-ขวา และหลังบ้าน สำหรับบ้านที่ปลูกต้นไม้ หรือมีสวน แนะนำให้ติดตั้งไฟตามจุดเหล่านี้เพิ่มเติมด้วย หรืออาจเลือกให้ไฟส่องสว่างที่มีระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติตามเวลาที่กำหนด ก็เป็นทางเลือกที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. ตรวจเช็ก ล็อกประตูและหน้าต่างอย่างสม่ำเสมอ

การเปิดประตูหน้าต่างเพื่อระบายอากาศนั้นดีต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัย ทั้งการได้รับลมอ่อนๆ และแสงแดดส่องสว่างในเวลากลางวัน แต่บ่อยครั้งที่หลายคนอาจลืมปิดล็อกประตูหน้าต่างเมื่อถึงเวลากลางคืน ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสี่ยงหลายประการ เช่น สัตว์เลี้ยงหลุดออกนอกบ้าน เด็กเล็กพลัดตกจากระเบียง หรือการบุกรุกจากผู้ไม่หวังดี ดังนั้นจึงควรล็อกประตูหน้าต่างเสมอเมื่อไม่ได้ใช้งาน หรือไม่มีคนอยู่บ้าน โดยเฉพาะเมื่อต้องออกไปข้างนอกเป็นเวลานานๆ 

นอกจากนี้ การติดตั้งระบบล็อกอัตโนมัติที่สามารถควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน หรือระบบเซนเซอร์แจ้งเตือนการเปิด-ปิดประตูหน้าต่าง ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีเพิ่มความปลอดภัยในบ้านที่ทั้งสะดวกและน่าสนใจไม่น้อยเลย

3. ป้องกันสายไฟ และตรวจเช็กอุปกรณ์ไฟฟ้าเป็นประจำ

เมื่อถามว่าความปลอดภัยในบ้านมีอะไรบ้าง หนึ่งในคำตอบของหลายๆ คนอาจมีเรื่องของการป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน ซึ่งนอกจากคัตเอาต์ (Cut-out) หรือสะพานไฟแล้ว ก็ควรเสริมการป้องกันตามจุดต่างๆ อย่างเหมาะสม เช่น ติดตั้งกล่องปลั๊กไฟในจุดที่ปลอดภัย หลีกเลี่ยงจุดที่ผู้อยู่อาศัยอาจสัมผัสโดยบังเอิญ หรือจัดระเบียบสายไฟด้วยรางเก็บสายที่ได้มาตรฐาน เพื่อป้องกันการสะดุดและป้องกันสายไฟจากน้ำ หากบ้านใดที่มีเด็กเล็กอาศัยอยู่ แนะนำให้ใช้งานจุกปิดรูปลั๊กไฟเพิ่มเติม เพื่อลดความเสี่ยงในการที่เด็กจะหยิบจับ หรือแหย่รูปลั๊กไฟ

นอกจากการป้องกันแล้ว ควรตรวจสภาพเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดอัคคีภัย ที่สำคัญคือปิดสวิตช์ไฟ และดึงปลั๊กออกทุกครั้งหลังใช้งานเสร็จ 

4. ติดตั้งวัสดุกันลื่นตามจุดเสี่ยง

อุบัติเหตุจากการลื่นล้มสามารถพบได้บ่อยในครัวเรือน โดยเฉพาะบ้านที่มีเด็กหรือผู้สูงอายุอาศัยอยู่ ซึ่งจุดเสี่ยงที่มักเกิดเหตุได้บ่อยๆ ก็คือ ห้องน้ำที่พื้นมักเปียกชื้นตลอดเวลา และห้องครัวที่อาจมีคราบน้ำมันหลงเหลือบนพื้น รวมถึงตามโครงการหมู่บ้านจัดสรรส่วนใหญ่มักปูพื้นห้องนั่งเล่นหรือห้องรับแขกด้วยกระเบื้องผิวมัน

ดังนั้น จึงแนะนำให้ติดตั้งวัสดุกันลื่นในจุดเสี่ยงต่างๆ เช่น แผ่นกันลื่นใต้พรมห้องน้ำ แถบกันลื่นบริเวณบันได เป็นการลงทุนที่มีความคุ้มค่า แลกกับการป้องกันการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้น

5. ติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยในบ้าน

เหตุการณ์ไม่คาดฝันสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ แม้กระทั่งตอนที่ไม่มีใครอยู่บ้าน การยกระดับความปลอดภัยด้วยระบบรักษาความปลอดภัยสมัยใหม่จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ควรพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นกล้อง CCTV สำหรับบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ บริเวณบ้าน ควบคู่กับเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว เพื่อลดความเสี่ยงในการโจรกรรม กลอนประตูดิจิทัลที่มีการเข้ารหัส หรือสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อก และสัญญาณกันขโมย 

ที่สำคัญ ต้องไม่ลืมที่จะติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับควัน หรือ Fire Alarm เอาไว้เพื่อป้องกันในกรณีที่อาจเกิดอัคคีภัย โดยแนะนำให้ติดตั้งไว้ในจุดที่อาจเสี่ยงต่อไฟไหม้ และเป็นไปตามมาฐาน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

จะเห็นได้ว่า การรักษาความปลอดภัยภายในบ้านไม่ใช่เพียงเรื่องของการติดตั้งอุปกรณ์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างนิสัยในการดูแลบ้านอย่างสม่ำเสมอ ประกอบกับการลงทุนด้านความปลอดภัยในสถานที่ การป้องกันอัคคีภัย และการควบคุมการเข้า-ออก ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและชีวิต

นอกจากความปลอดภัยภายในตัวบ้านแล้ว อีกจุดสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือความปลอดภัยของพื้นที่โดยรอบและระบบรักษาความปลอดภัยของโครงการหมู่บ้าน ซึ่งเป็นด่านแรกในการคัดกรองและป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้น การเลือกใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยอย่าง LIV-24 จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยอุ่นใจได้ว่า ไม่ว่าจะอยู่หรือไม่อยู่บ้าน ครอบครัวก็จะได้รับการดูแลอย่างปลอดภัยตั้งแต่ทางเข้าโครงการ

รู้จักโซลูชันระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะจาก LIV-24

ในฐานะผู้นำและคิดค้นเทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ LIV-24 พร้อมยกระดับความปลอดภัยของพื้นที่ โครงการ และสถานที่สำคัญต่างๆ ให้มากกว่าที่เคย ด้วยโซลูชันเหนือระดับและฟังก์ชันที่ครอบคลุมมากกว่าการรักษาความปลอดภัย พร้อมช่วยให้มั่นใจยิ่งขึ้น ด้วยบริการครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษา ติดตั้ง เฝ้าระวังภัยตลอด 24 ชั่วโมง ไปจนถึงการดูแลซ่อมแซมระบบตลอดการใช้งาน

• AI CCTV Analytic และ Motion Sensor – กล้อง CCTV อัจฉริยะ ตรวจจับความผิดปกติด้วย AI ทั้งบุคคลน่าสงสัย สัตว์ ไปจนถึงสิ่งที่มองไม่เห็นอย่างควันไฟ เพื่อแจ้งเตือนระงับเหตุได้ทันท่วงที
• License Plate Recognition (LPR) – ระบบอ่านป้ายทะเบียนอัจฉริยะที่ช่วยควบคุมการเข้า-ออกของยานพาหนะ ทำงานร่วมกับประตูอัตโนมัติหรือไม้กั้น ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านอุปกรณ์การสแกนเข้าออกได้ถึง 40% เมื่อเทียบกับระบบดั้งเดิม
• Digital Fence – เซนเซอร์ตรวจจับความผิดปกติรอบรั้วของพื้นที่ แจ้งเตือนทันทีเมื่อมีการเคลื่อนไหวตามแนวรั้ว
• Real Time Guard Tour – คอยตรวจสอบสถานะการเดินตรวจตราตามจุดต่างๆ ของรปภ. 
• Visitor Management System – ระบบควบคุมการเข้า-ออกโครงการ สามารถบันทึกข้อมูล อ่านป้ายทะเบียนรถ ระบุตัวตนผู้เข้ามาในพื้นที่ได้ หมดกังวลเรื่องผู้บุกรุก
• Access Control – ควบคุมบุคคลเข้าออกพื้นที่ ด้วยระบบ Face Scan สแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกประตู และ LRP (License Plate Reader) อ่านป้ายทะเบียนก่อนเข้าสถานที่ ทำให้สามารถควบคุมพื้นที่ได้ตั้งแต่ห้องห้องเดียวหรือทั้งโครงการก็ได้
• Command Centre – ศูนย์ควบคุมส่วนกลางของ LIV-24 เฝ้าสังเกตการณ์แบบ Real-Time ตลอด 24 ชั่วโมง ตลอด 7 วัน ไม่มีหยุดพัก

อีกทั้ง LIV-24 ยังพัฒนาเทคโนโลยี IoT Management System ใช้ในการตรวจสอบ วิเคราะห์ และแสดงผลการทำงานของอุปกรณ์ในระบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟฟ้า ประปา ลิฟต์โดยสาร คุณภาพอากาศ และการใช้พลังงาน ยิ่งไปกว่านั้น หากเชื่อมต่อกับ Command Centre แล้วหากพบเหตุผิดปกติ สามารถระบุเหตุการณ์และจุดเกิดเหตุได้สามารถประสานงานกับผู้ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและแก้ไขได้ทันที ลดความเสียหายและค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง ป้องกันได้แม่นยำ ยกระดับธุรกิจ สร้างความเชื่อมั่น เพิ่มสมรรถภาพการทำงานของทุกระบบ 

ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิม เพิ่มประสิทธิภาพ ด้วย LIV-24 (ลิฟ-24)
เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพ ปกป้อง ปลอดภัย ผสานพลัง AI และมนุษย์ ตลอด 24/7
ให้ LIV-24 ช่วยวิเคราะห์ความเสี่ยง สร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์ธุรกิจคุณโดยเฉพาะ 02 688 7555 หรือ คลิกที่นี่