อุบัติเหตุเพลิงไหม้สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ซึ่งอาจสร้างความเสียหายกับทรัพย์สินอย่างมหาศาล โดยเฉพาะเหตุเพลิงไหม้อาคาร ที่หากเป็นตึกสูง มีหลายชั้น มียานพาหนะจอดหรือมีผู้คนอยู่อาศัยจำนวนมาก ยิ่งมีความเสี่ยงต่ออันตรายมากยิ่งขึ้น
โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (DPM) เผยสถิติสาธารณภัยทั่วประเทศปี 2567 ว่า อัคคีภัยคิดเป็นราว 50% ของสาธารณภัยทั้งหมดในประเทศ ด้วยเหตุนี้ การติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับควัน หรือ Smoke Detector จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันเหตุก่อนไฟลุกลาม พร้อมลดความเสียหายต่อทรัพย์สิน และปกป้องชีวิตผู้คนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในบทความนี้ LIV-24 จะมาแนะนำให้รู้จักกับ Smoke Detector ตั้งแต่หลักการทำงานเบื้องต้น ประเภท พร้อมนำเสนอโซลูชัน FIRE EDGE IoT ที่เข้ามายกระดับการป้องกันจากอัคคีภัยได้ในทุกสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นตึก โรงงาน โรงเรียน โครงการคอนโดและหมู่บ้านจัดสรร รวมถึงอาคารพาณิชย์
Smoke Detector คืออะไร?
Smoke Detector หรือ “เซนเซอร์ตรวจจับควัน” คือ อุปกรณ์สำคัญในระบบป้องกันอัคคีภัย ทำหน้าที่ตรวจจับอนุภาคควันไฟเมื่อมีเพลิงไหม้ โดยปกติจะติดตั้งอยู่บนเพดานเพื่อให้สามารถตรวจจับควันที่ลอยขึ้นบนอากาศได้อย่างรวดเร็ว แล้วเมื่อตรวจพบควัน อุปกรณ์จะส่งสัญญาณเตือนภัยได้ทันที ไม่ว่าจะเป็น เสียง แสง หรือทั้งสองอย่าง เพื่อแจ้งเตือนให้ผู้ที่อยู่ในบริเวณสามารถอพยพได้ทันท่วงที

ทั้งนี้ หลายคนอาจคิดว่า Smoke Detector และ Fire Alarm เป็นอุปกรณ์ชิ้นเดียวกัน แต่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ดังนี้
- Smoke Detector ตรวจจับ “ควัน” และทำงานร่วมกันกับระบบแจ้งเตือนอัคคีภัย (Alarm System) ภายในอาคารหรือสถานที่นั้นๆ
- Fire Alarm หรือ Smoke Alarm คือ อุปกรณ์ตรวจจับควันและไฟ พร้อมมีตัวเปล่งสัญญาณเตือนภัยได้ในตัว เหมาะสำหรับติดตั้งในบ้านเรือนหรืออาคารขนาดเล็กที่มีความสูงไม่เกิน 3 ชั้น
หลักการทำงานของ Smoke Detector
หลักการทำงานของ Smoke Detector อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ และระบบที่ติดตั้งร่วม ทั้งนี้ Smoke Detector มีหลักการทำงานพื้นฐานที่คล้ายคลึงกัน
โดยในขณะที่เปลวไฟเริ่มลุกไหม้ “ควันไฟ” จะเป็นสิ่งแรกที่จะลอยขึ้นสู่ที่สูง ซึ่งไปจะกระทบกับเครื่องตรวจจับควันไฟที่ถูกติดตั้งอยู่บนเพดาน เมื่ออุปกรณ์ตรวจพบควันไฟ จะส่งสัญญาณไปยังอุปกรณ์ส่งสัญญาณเตือนภัย (Signaling Equipment) เพื่อเตือนภัยผู้ที่อยู่ในอาคาร จากนั้นผู้อยู่ในอาคารสามารถอพยพได้ทันท่วงที หรือแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและผู้ที่เกี่ยวข้องให้เข้าควบคุมเพลิงได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
ด้วยการทำงานอย่างรวดเร็วนี้ ส่งผลให้ Smoke Detector สามารถช่วยลดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Smoke Detector มีกี่แบบ
![[LIV 24] SEO OCT C01 1 1200x628](https://liv-24.com/wp-content/uploads/2024/10/LIV-24-SEO-OCT-C01-1_1200x628.jpg)
Smoke Detector มีการออกแบบที่หลากหลาย ทั้งนี้ หากแบ่งตามหลักการทำงาน สามารถแบ่งอุปกรณ์ตรวจจับควันได้เป็น 2 แบบ ได้แก่
1. Ionization Smoke Detector
ภายใน Ionization Smoke Detector ประกอบด้วยแผ่นชาร์จประจุและสารแผ่รังสี โดยจะทำงานด้วยการวัดค่าหรือตรวจจับโมเลกุลในอากาศ เมื่อมีการเผาไหม้ ความชื้นและความกดดันในอากาศจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่ง อุปกรณ์จะตรวจจับความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตาม ในบริเวณที่มีฝุ่นหรือความชื้นสูง อาจทำให้อุปกรณ์ทำงานผิดพลาดได้
2. Photoelectric Smoke Detector
Photoelectric Smoke Detector ทำงานผ่านหลักการกระจายแสงสะท้อนหรือการ “บังแสง” โดยภายในจะมีหลอดไฟ LED ที่ส่องไปยังอุปกรณ์ไวแสง (Photosensitive Element) เมื่อมีควันไฟเกิดขึ้นและลอยเข้าไปในอุปกรณ์ ควันจะบังแสงที่ส่องไปยังวัตถุไวแสง แล้วพอความเข้มของแสงลดลงถึงจุดที่กำหนด อุปกรณ์จะส่งสัญญาณเตือนภัยทันที
ข้อควรตรวจสอบ Smoke Detector เพื่อความพร้อมใช้งาน
ปัจจุบัน อาคารและสถานที่ต่างๆ ตั้งแต่โรงงานอุตสาหกรรม โรงแรม โรงเรียน ห้างสรรพสินค้า ฯลฯ ล้วนมีการติดตั้ง Smoke Detector ตามจุดต่างๆ เพื่อความปลอดภัย ซึ่งมักติดตั้งทันทีหลังก่อสร้างเสร็จ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจและผู้ดูแลควรทำการสำรวจความพร้อมของอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอว่า สามารถใช้งานได้ตามปกติหรือไม่ เนื่องจากปัจจัยทางสภาพแวดล้อม เช่น ฝุ่น ลม ความร้อน และความชื้น อาจมีผลให้อุปกรณ์ตรวจจับควันเกิดความเสียหายหรือมีประสิทธิภาพในการทำงานลดลง
โดยควรตรวจสอบการทำงานของ Smoke Detector ทุก 1-2 ปี โดยมีจุดสำคัญที่ควรตรวจสอบ ดังนี้:
- ชิ้นส่วนสำคัญของอุปกรณ์ยังอยู่ครบ เช่น หลอดไฟแสดงผล และอุปกรณ์ต่อสัญญาณ
- ตรวจสอบฝุ่นสะสมภายในตัวตรวจจับ เนื่องจากฝุ่นอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน
- ตาข่ายป้องกันแมลงยังอยู่ในสภาพดีและสะอาด
- ชิ้นส่วนโลหะไม่มีร่องรอยผุกร่อน
- อุปกรณ์ยังติดตั้งอยู่อย่างมั่นคง ไม่หลุดหลวม
การติดตั้งและบำรุงรักษา Smoke Detector อย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันอัคคีภัยและรักษาความปลอดภัยของอาคาร ไม่ว่าจะเป็นบ้าน สำนักงาน หรือโรงงานอุตสาหกรรม อุปกรณ์เหล่านี้ช่วยตรวจจับควันได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ทำให้สามารถแจ้งเตือนและระงับเหตุได้อย่างทันท่วงที ลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีโซลูชันที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่าง FIRE EDGE IoT จาก LIV-24 ซึ่งสามารถยกระดับการป้องกันอัคคีภัยได้อย่างครอบคลุมและแม่นยำยิ่งขึ้น
รู้จัก FIRE EDGE IoT โซลูชันป้องกันอัคคีภัยอย่างมีประสิทธิภาพจาก LIV-24
LIV-24 ได้พัฒนา IoT Monitoring System ระบบอัจฉริยะตรวจจับการทำงานของทุกระบบในสถานที่ โดยมีโซลูชัน Fire Protection System ที่ปลอดภัยกว่าระบบ Smoke Dector และ Fire Alarm แบบทั่วไป

โดย FIRE EDGE IoT มีฟีเจอร์เด่น ดังนี้
- รู้สถานะการทำงานของอุปกรณ์เตือนภัยว่าทำงานปกติ ไม่พลาดทุกเหตุการณ์อันตราย ปกป้องชีวิตและทรัพย์สินอันมีค่า
- ประหยัดพื้นที่ และค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง
- ทำงานร่วมกับกล้อง CCTV และ AI CCTV Analytic คอยตรวจจับควันที่มองไม่เห็นได้แม่นยำ แม้ในจุดอับสายตามนุษย์
- เมื่อเชื่อมต่อเข้ากับ LIV-24 Command Centre เสมือนมีผู้ช่วยในการ monitor เหตุการณที่ผิดปกติตลอด 24 ชม. 7 วัน แจ้งเตือนทันทีที่เกิดเหตุ พร้อมประสานงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรวดเร็ว เข้าแก้ไขได้ฉับไว
นอกจากนี้ IoT Monitoring System ยังครอบคลุมไปถึงระบบไฟฟ้า ประปา ลิฟต์โดยสาร คุณภาพอากาศ และการใช้พลังงาน ซึ่งใช้ได้กับอาคารเพื่อการพาณิชย์ โรงงานอุตสาหกรรม โรงพยาบาล โรงแรม รีสอร์ท โชว์รูม ไปจนถึงคลังเก็บสินค้า และอื่นๆ สามารถระบุเหตุการณ์และจุดเกิดเหตุได้แม่นยำ ทำให้สามารถประสานงานกับผู้ที่เกี่ยวข้องทีมช่างประจำโครงการเข้าตรวจสอบและแก้ไขได้ทันที
ด้วยโซลูชันความปลอดภัยที่ครอบคลุมจาก LIV-24 คุณสามารถมั่นใจได้ว่าอาคารหรือสถานที่ของคุณจะได้รับการป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันอัคคีภัยหรือภัยคุกคามอื่นๆ ลดความเสียหายและค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง ป้องกันได้แม่นยำ ยกระดับธุรกิจ สร้างความเชื่อมั่น เพิ่มสมรรถภาพการทำงานของทุกระบบ นับเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของธุรกิจและสถานที่

ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิม เพิ่มประสิทธิภาพ ด้วย LIV-24 (ลิฟ-24)
เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพ ปกป้อง ปลอดภัย ผสานพลัง AI และมนุษย์ ตลอด 24/7
ให้ LIV-24 ช่วยวิเคราะห์ความเสี่ยง สร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์ธุรกิจคุณโดยเฉพาะ 02 688 7555 หรือ คลิกที่นี่