Smart Secuirty เกราะป้องกันอัจฉริยะแก่สถานที่และธุรกิจ

Smart Secuirty เกราะป้องกันอัจฉริยะแก่สถานที่และธุรกิจ

ในยุคที่ทุกสิ่งรอบตัวเชื่อมต่อกันผ่านอินเทอร์เน็ต หรือ IoT (Internet of Things) ระบบรักษาความปลอดภัยก็พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด จากเดิมที่เราคุ้นเคยกับกล้องวงจรปิดแบบดั้งเดิมที่ต้องดูวิดีโอย้อนหลัง หรือระบบกันขโมยที่ส่งเสียงดังเพียงอย่างเดียวได้ถูกยกระดับสู่ Smart Security หรือ “ระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ” ที่มอบทั้งความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และความอุ่นใจให้แก่ผู้อยู่อาศัยได้อย่างมีนัยสำคัญ

บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับ Smart Security อย่างละเอียด ตั้งแต่นิยาม อุปกรณ์ Smart Security ในบ้านพักอาศัยไปจนถึงอาคารสถานที่ เพื่อทำความเข้าใจว่าเทคโนโลยีต่างๆ ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการปกป้องชีวิตและทรัพย์สินได้อย่างไร

Smart Security คืออะไร? นิยามของการรักษาความปลอดภัยในยุคดิจิทัล

image

Smart Security สื่อถึงระบบนิเวศ (Ecosystem) ของอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยที่เชื่อมต่อถึงกันผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทำให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุม ตรวจสอบ และรับการแจ้งเตือนเหตุการณ์ต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์จากทุกที่ทั่วโลกผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่เชื่อมต่อกับระบบ

ทั้งนี้ หัวใจสำคัญที่ทำให้ระบบรักษาความปลอดภัย “Smart” หรือ “ฉลาด” ขึ้นนั้น มีอยู่ด้วยกัน 3 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ 

1. การเชื่อมต่อ (Connectivity) – อุปกรณ์ในระบบความปลอดภัยทุกชิ้น เช่น กล้อง เซนเซอร์ และกลอนล็อกประตู สามารถสื่อสารระหว่างกัน และส่งข้อมูลไปยังผู้ใช้งานได้ผ่านเครือข่าย Wi-Fi 

2. การควบคุมจากระยะไกล (Remote Control) – ผู้ใช้งานสามารถสั่งการอุปกรณ์ต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เช่น สั่งล็อกประตู เปิด-ปิดสัญญาณกันขโมย หรือดูภาพจากกล้องผ่านมือถือแบบเรียลไทม์

3. การทำงานอัตโนมัติ (Automation) – ผู้ใช้งานหรือผู้ดูแลระบบสามารถเชื่อมต่อให้อุปกรณ์ทำงานร่วมกันได้แบบอัตโนมัติ ยกตัวอย่างสถานการณ์ เช่น หากเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวรอบบ้านหลังเที่ยงคืน ให้เปิดไฟ เปิดระบบ Alarm System และส่งภาพจากล้องวงจรปิดไปยังอุปกรณ์ของผู้ใช้งานทันที เป็นต้น

อุปกรณ์หลักใน Smart Home Security Systems 

สำหรับบ้านพักอาศัย ระบบ Smart Home Security นั้นเป็นที่นิยมสูงขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากเทคโนโลยีต่างๆ ถูกพัฒนาให้เข้าถึงง่ายมากยิ่งขึ้น หลายครัวเรือนอาจเลือกใช้อุปกรณ์ Smart Security รูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง หรืออาจใช้หลากหลายอุปกรณ์ร่วมกันเพื่อเพิ่มระดับความปลอดภัย

ระบบล็อกอัจฉริยะ (Smart Lock & Digital Door Lock)

ระบบล็อกอัจฉริยะถือเป็นหนึ่งในอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยที่ได้รับความนิยมสูง ทั้งในโครงการหมู่บ้านและคอนโด เจ้าของบ้านสามารถควบคุมการเข้า-ออกได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจ เช่น ปลดล็อกด้วยรหัสผ่าน สแกนลายนิ้วมือ คีย์การ์ด หรือแม้แต่สั่งการผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ นอกจากนี้ยังสามารถสร้างรหัสผ่านชั่วคราวให้แขกหรือแม่บ้านได้อีกด้วย

กล้องวงจรปิดอัจฉริยะ (Smart Security Camera)

เปรียบเสมือนดวงตาของระบบ Smart Security ที่ทำหน้าที่เฝ้าระวังและบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งฟีเจอร์และฟังก์ชันการทำงานของกล้องสมัยใหม่นั้นเหนือกว่ากล้องวงจรปิดดั้งเดิมอย่างมาก โดยมีคุณสมบัติทันสมัย ได้แก่

  • ความคมชัดสูง (HD/4K) – ให้ภาพที่ชัดเจน สามารถซูมดูรายละเอียดต่างได้มากขึ้น
  • การมองเห็นในที่มืด (Night Vision) – บันทึกภาพได้แม้ในสภาวะสภาพแสงน้อย หรือในเวลากลางคืน
  • การสื่อสารสองทาง (Two-Way Audio) – กล้องวงจรปิดอัจฉริยะบางรุ่นอาจมีไมโครโฟนและลำโพงในตัว ทำให้สามารถพูดคุยกับบุคคลที่อยู่หน้ากล้องได้ผ่านแอปพลิเคชัน
  • ระบบตรวจจับด้วย AI – ด้วยการผสานรวมกล้องกับเทคโนโลยี AI และ Machine Learning กล้อง CCTV จึงสามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างคน สัตว์ ยานพาหนะ หรือวัตถุได้ ลดการแจ้งเตือนที่ผิดพลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การบันทึกบนคลาวด์ (Cloud Recording) – กล้องวงจรปิดที่เชื่อมต่อกับระบบ IoT สามารถจัดเก็บภาพวิดีโอไว้บนคลาวด์ (Cloud) ที่มีความปลอดภัย แม้กล้องเสียหาย ถูกทำลายหรือขโมย แต่หลักฐานภาพบันทึกก็ยังคงอยู่

เซนเซอร์กันขโมยอัจฉริยะ (Smart Sensors)

อุปกรณ์เซนเซอร์เหล่านี้สามารถตรวจจับการบุกรุกจากบุคคลภายนอก พร้อมส่งสัญญาณเตือนหรือแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบ้านหรืออาคาร เพื่อเข้าระงับเหตุได้อย่างทันท่วงที โดยอาจมีอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

  • Door/Window Sensor เซนเซอร์แม่เหล็กสำหรับประตู-หน้าต่าง จะแจ้งเตือนทันทีเมื่อมีการเปิด-ปิด หลังผู้ใช้งานตั้งค่าระบบ
  • Motion Sensor – เซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว มักใช้ในพื้นที่ส่วนกลางของบ้าน หรือบริเวณสวนรอบบ้าน
  • Glass Break Sensor – เซนเซอร์ตรวจจับคลื่นเสียงจากการแตกของกระจก อาจพบเห็นตามบ้านไม่บ่อยนัก แต่สามารถพบได้ตามร้านค้ามูลค่าสูง เช่น ร้านทอง ร้านเครื่องประดับ หรือพิพิธภัณฑ์ เป็นต้น

ระบบแจ้งเตือน (Alarm System)

ปัจจุบัน เทคโนโลยีเซนเซอร์ตรวจจับการบุกรุก และระบบ Alarm System ต่างๆ ไม่เพียงส่งเสียงไซเรนดังๆ เท่านั้น แต่ยังส่งการแจ้งเตือน (Push Notification) ไปยังสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อได้ทันที บางระบบยังสามารถเชื่อมต่อกับ ศูนย์ควบคุมของบริษัทรักษาความปลอดภัย (Command Centre) เพื่อส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบได้ตลอด 24 ชั่วโมง

การใช้งาน Smart Security System ในอาคารสถานที่

นอกจากการใช้งานในบ้านเรือนหรือห้องคอนโดแล้ว เทคโนโลยี Smart Security ยังถูกนำมาประยุกต์ใช้กับอาคารสำนักงาน โรงงาน ห้างสรรพสินค้า และตึกพาณิชย์ต่างๆ เพื่อสร้างระบบรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพสูง โดยปัจจุบันมีระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะมากมาย ได้แก่

ระบบควบคุมการเข้า-ออก (Access Control)

ระบบที่ใช้บริหารจัดการสิทธิ์ในการเข้า-ออกพื้นที่ต่างๆ ของบุคลากรและผู้มาติดต่ออาคาร ยกระดับให้การควบคุมการเข้า-ออกมีความปลอดภัยและสะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยมีการผสานรวมเทคโนโลยีต่างๆ ดังนี้

  • ระบบสแกนใบหน้า (Face Recognition System) – กลายเป็นเทคโนโลยีหลักที่ใช้แทนการ์ดหรือลายนิ้วมือแบบเดิมๆ เพราะเป็นการยืนยันตัวตนแบบไร้สัมผัส (Touchless) ที่มีความปลอดภัยสูง และป้องกันการใช้บัตรแทนกันได้
  • การกำหนดสิทธิ์เข้าถึงพื้นที่แบบไดนามิก สามารถกำหนดได้ว่าพนักงานคนไหนสามารถเข้าพื้นที่ใดได้บ้าง ในช่วงวัน-เวลาใด ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถบริหารจัดการได้จากส่วนกลาง

ระบบ Visitor Management System

ระบบที่ออกแบบมาเพื่อบริหารจัดการผู้มาติดต่อแบบครบวงจร ตั้งแต่การลงทะเบียนติดต่อล่วงหน้า ยืนยันตัวตน ตรวจสอบการอยู่ในพื้นที่ ไปจนถึงการเช็กเอาท์ 

  • บันทึกเวลาเข้า-ออก – บันทึกวันและเวลาอัตโนมัติ เมื่อผู้มาติดต่อเดินทางมายังอาคารสถานที่
  • เก็บข้อมูลผู้มาติดต่อ – บันทึกข้อมูลเบื้องต้นของผู้มาติดต่อ เช่น ชื่อ เบอร์โทร และเหตุผลในการติดต่ออาคาร
  • แจ้งเตือนผู้ที่เกี่ยวข้อง – แจ้งเตือนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง ในกรณีผู้มาติดต่ออยู่ในอาคารเกินเวลาที่กำหนด

ระบบไม้กั้นรถยนต์อัตโนมัติ

ระบบไม้กั้นรถยนต์สมัยใหม่ทำงานร่วมกับระบบอ่านป้ายทะเบียน (License Plate Recognition: LPR) ดังนั้น เมื่อรถของพนักงานหรือผู้ที่ลงทะเบียนล่วงหน้าขับมาถึง ระบบจะอ่านป้ายทะเบียนและเปิดไม้กั้นให้โดยอัตโนมัติ จึงช่วยลดความแออัดและเพิ่มความสะดวกสบายในการเข้า-ออกพื้นที่จอดรถ นอกจากนี้ยังสามารถทำงานร่วมกับ Visitor Management System เพื่อจัดการรถของผู้มาติดต่อได้อย่างลงตัว

ระบบกล้องวงจรปิด CCTV

คล้ายกับกล้องวงจรปิดอัจฉริยะตามบ้านเรือน Camera Security ในปัจจุบันนั้นทำงานร่วมกับระบบ AI อย่างชาญฉลาด จึงถูกนำมาใช้งานตามอาคารสถานที่ต่างๆ อย่างแพร่หลาย เพื่อการตรวจจับการบุกรุกในพื้นที่หวงห้าม นับจำนวนคนเข้า-ออกพื้นที่ พร้อมแจ้งเตือนเมื่อเกิดเหตุการณ์ผิดปกติ หรือเมื่อมีบุคคลน่าสงสัยปรากฏตัว

Smart Security System ไม่ได้มีเพียงระบบที่กล่าวไปข้างต้นเท่านั้น ซึ่งเทคโนโลยีความปลอดภัยยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีการนำระบบ AI, IoT และอื่นๆ มาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างความอุ่นใจให้แก่ผู้อยู่อาศัย และผู้มาเยือน

ข้อได้เปรียบด้านความปลอดภัยเมื่อใช้งาน Smart Security

image
  • ความปลอดภัยแบบเรียลไทม์ – ผู้อยู่อาศัยและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสามารถรับรู้ถึงเหตุการณ์ผิดปกติได้ทันทีผ่านสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน สามารถดำเนินการระงับเหตุ หรือผสานงานกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
  • การเข้าถึงและควบคุมจากระยะไกล – สามารถตรวจสอบความเรียบร้อยของบ้านหรือที่ทำงาน และสั่งการอุปกรณ์ต่างๆ ได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการดูภาพเหตุการณ์ผ่านกล้อง CCTV การเปิด-ปิดระบบควบคุมการเข้า-ออก และอื่นๆ แม้อยู่นอกสถานที่
  • การทำงานอัตโนมัติที่ชาญฉลาด – ผู้ดูแลระบบความปลอดภัยสามารถสร้างเงื่อนไขการทำงานร่วมกันของอุปกรณ์ Smart Security ต่างๆ เพื่อยกระดับความปลอดภัยให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
  • มีหลักฐานที่ชัดเจนและนำไปใช้งานได้ (Actionable Evidence) – วิดีโอความคมชัดสูงพร้อมข้อมูลเวลาและสถานที่ ช่วยให้การสืบสวนและดำเนินคดีเป็นไปได้ง่ายขึ้น ในกรณีเกิดเหตุไม่คาดฝัน เช่น การโจรกรรม อัคคีภัย หรืออื่นๆ
  • ความอุ่นใจ (Peace of Mind) – อีกหนึ่งประโยชน์สำคัญของ Smart Security คือ ความรู้สึกมั่นใจและอุ่นใจว่าบุคคลและทรัพย์สินในสถานที่นั้นๆ ได้รับการปกป้องดูแลอยู่เสมอ

ปัจจุบัน ระบบดิจิทัลต่างๆ ที่ได้ชื่อว่าเป็น Smart Security ได้เปลี่ยนโฉมระบบรักษาความปลอดภัยไปอย่างมาก จากระบบดั้งเดิมที่ทำงานแยกกันไปสู่การพัฒนาเป็น “ระบบป้องกันเชิงรุก” ที่เชื่อมต่อถึงกันและแจ้งเตือนได้ทันที ไม่ว่าจะเป็น Smart Home Security Systems สำหรับบ้านพักอาศัย หรือ Smart Security System ที่ครบวงจรสำหรับองค์กรธุรกิจ เทคโนโลยีนี้ไม่ได้เป็นเพียงฟีเจอร์หวือหวาอีกต่อไป แต่เป็นการลงทุนที่จำเป็นเพื่อสร้างความปลอดภัยและความอุ่นใจให้กับชีวิตในยุคดิจิทัล

LIV-24 ยกระดับการรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะสำหรับอาคารยุคใหม่

ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีอัจฉริยะ LIV-24 พร้อมยกระดับความปลอดภัยของพื้นที่ โครงการ และสถานที่สำคัญต่างๆ ให้มากกว่าที่เคย ด้วยโซลูชันเหนือระดับและฟังก์ชันที่ครอบคลุมมากกว่าการรักษาความปลอดภัย พร้อมช่วยให้มั่นใจยิ่งขึ้น ด้วยบริการครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษา ติดตั้ง เฝ้าระวังภัยตลอด 24 ชั่วโมง ไปจนถึงการดูแลซ่อมแซมระบบตลอดการใช้งาน โดยมีบริการด้านความปลอดภัยหลากหลายและครอบคลุมความต้องการของธุรกิจ ดังนี้

  • AI CCTV Analytic – กล้อง CCTV อัจฉริยะ ตรวจจับความผิดปกติด้วย AI ทั้งบุคคลน่าสงสัย สัตว์มีพิษ  ไปจนถึงสิ่งที่มองไม่เห็นอย่างควันไฟ เพื่อแจ้งเตือนระงับเหตุได้ทันท่วงที
  • License Plate Recognition (LPR) – ระบบอ่านป้ายทะเบียนอัจฉริยะที่ช่วยควบคุมการเข้า-ออกของยานพาหนะ ทำงานร่วมกับประตูอัตโนมัติหรือไม้กั้น ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านอุปกรณ์การสแกนเข้าออกได้ถึง 40% เมื่อเทียบกับระบบดั้งเดิม
  • Real Time Guard Tour – คอยตรวจสอบสถานะการเดินตรวจตราตามจุดต่างๆ ของรปภ. 
  • Visitor Management System – ระบบควบคุมการเข้า-ออกโครงการ สามารถบันทึกข้อมูล อ่านป้ายทะเบียนรถ ระบุตัวตนผู้เข้ามาในพื้นที่ได้ หมดกังวลเรื่องผู้บุกรุก
  • Access Control – ควบคุมบุคคลเข้าออกพื้นที่ ด้วยระบบ Face Scan สแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกประตู และ LRP (License Plate Reader) อ่านป้ายทะเบียนก่อนเข้าสถานที่ ทำให้สามารถควบคุมพื้นที่ได้ตั้งแต่ห้องเดียวหรือทั้งโครงการก็ได้
  • Command Centre – ศูนย์ควบคุมส่วนกลางของ LIV-24 เฝ้าสังเกตการณ์แบบ Real-Time ตลอด 24 ชั่วโมง ตลอด 7 วัน ไม่มีหยุดพัก

IoT Monitoring System จาก LIV-24

เพราะทุกเทคโนโลยีอัจฉริยะ ต้องเริ่มจากความปลอดภัยที่พิสูจน์ได้ ทาง LIV-24 จึงพัฒนาเทคโนโลยี IoT Monitoring System ใช้ในการตรวจสอบ วิเคราะห์ และแสดงผลการทำงานของอุปกรณ์ในระบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟฟ้า ประปา ลิฟต์โดยสาร คุณภาพอากาศ และการใช้พลังงาน 

ยิ่งไปกว่านั้น หากเชื่อมต่อกับ Command Centre แล้วหากพบเหตุผิดปกติ สามารถระบุเหตุการณ์และจุดเกิดเหตุได้สามารถประสานงานกับผู้ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและแก้ไขได้ทันที ลดความเสียหายและค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง ป้องกันได้แม่นยำ ยกระดับธุรกิจ สร้างความเชื่อมั่น เพิ่มสมรรถภาพการทำงานของทุกระบบ

LIV-24 IoT Certified For Total Safety

โซลูชัน IoT ของเราผ่านการรับรองมาตรฐาน TIS 62368-1 และ NTC TS 5001-2550 อีกทั้งยังได้รับการทดสอบและรับรองมาตรฐานความปลอดภัยครบ 2 ด้าน โดยศูนย์ PTEC สังกัด NSTDA ดังนี้

1. มาตรฐาน TIS 62368-1:2563 (Electrical Safety)

ผ่านการทดสอบความปลอดภัยทางไฟฟ้า วัสดุ ความร้อน ความชื้น และความทนไฟ เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ Facility Edge IoT Monitoring (FEIM-220V-RS485) มีความปลอดภัยต่อผู้ใช้งานในทุกสภาวะ

2. มาตรฐาน NTC TS 5001-2550 (Electromagnetic Field Safety)

การทดสอบการแผ่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Wi-Fi 5 GHz) ครอบคลุมทุกย่านความถี่ โดยผลการทดสอบยืนยันว่าอุปกรณ์ของ LIV-24 มีค่าคลื่นแผ่รังสีน้อยกว่าเกณฑ์ที่ปลอดภัยต่อมนุษย์กว่า 99% 

มาตรฐานทั้งสองนี้ เป็นเครื่องยืนยันว่าเทคโนโลยีของ LIV-24 ไม่เพียงแค่ “ฉลาด” แต่ยัง “ปลอดภัย” อย่างแท้จริง เพราะเรามุ่งมั่นออกแบบทุกโซลูชันด้านความปลอดภัยอัจฉริยะปลอดภัยต่อผู้ใช้ มั่นใจได้ในทุกระบบ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

สนใจรายละเอียดการติดตั้ง LIV-24 ติดต่อปรึกษาได้ที่  02 688 7555 หรือ cscontact@liv-24.com  

หรือบริการอื่นๆ เพิ่มเติมที่ liv-24.com

แชร์ข่าวและบทความ
Rectangle 9437

ข่าวและบทความที่น่าสนใจ

To top
Interested in our solutions?
Feel Free to download
E-brochure

"*" indicates required fields

This field is for validation purposes and should be left unchanged.