บทเรียนจากเปลวเพลิง: ถึงเวลามอง “ความปลอดภัยอาคารสูง” ด้วยมุมมองใหม่

บทเรียนจากเปลวเพลิง: ถึงเวลามอง “ความปลอดภัยอาคารสูง” ด้วยมุมมองใหม่

จากเหตุการณ์เพลิงไหม้ในอาคารสูงที่เกิดขึ้น สร้างความกังวลใจและสะท้อนถึงมุมมองด้านความปลอดภัยที่เราอาจคาดไม่ถึง เหตุการณ์เหล่านี้คือบทเรียนสำคัญที่กระตุ้นให้เราทุกคนหันมาให้ความสำคัญกับ “ระบบความปลอดภัย” อย่างจริงจัง โดยเฉพาะในอาคารสูงอย่างคอนโดมิเนียมและสำนักงาน ซึ่งเป็นทั้งที่พักอาศัยและที่ทำงานของคนจำนวนมาก

อาคารสูงมอบความสะดวกสบายและการใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า แต่ก็มาพร้อมความท้าทายด้านความปลอดภัยที่ซับซ้อน โดยเฉพาะเรื่องอัคคีภัย ดังนั้น ระบบเตือนภัยและดับเพลิงที่มีประสิทธิภาพและ “พร้อมใช้งานจริง” จึงเป็นหัวใจสำคัญในการปกป้องชีวิตและทรัพย์สิน

Man is reaching his hand to push fire alarm hand station

แม้เจ้าหน้าที่ดูแลอาคารจะมีบทบาทสำคัญ แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้กับข้อจำกัดบางประการ เช่น

  • Human Factor: ความเหนื่อยล้า ความประมาท หรือการมองข้ามจุดเล็กๆ อาจทำให้พลาดสัญญาณเตือนสำคัญ จุดบอดและสัญญาณที่ถูกละเลย เช่น แรงดันน้ำในระบบสปริงเกอร์ที่ลดลง หรือเหตุการณ์ในมุมอับสายตา
  • ปัญหาแฝงเร้น อุปกรณ์เสื่อมสภาพโดยไม่รู้ตัว หรือการปิดระบบเตือนภัยชั่วคราว
  • รวมไปถึงพฤติกรรมที่ควบคุมได้ยาก เช่น การเปิดประตูหนีไฟทิ้งไว้ทำให้ควันลุกลามเร็วขึ้น เสี่ยงต่อการสำลักควัน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตในเหตุเพลิงไหม้

ก้าวสู่ยุคใหม่: เมื่อเทคโนโลยีคือผู้ช่วยด้านความปลอดภัย

ผู้บริหารอาคารที่มีวิสัยทัศน์เริ่มหันมาใช้เทคโนโลยีอย่าง Internet of Things (IoT) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย โดยเฉพาะระบบแจ้งเตือนเพลิงไหม้และระบบดับเพลิง โดยแนวทางนี้เน้นการเฝ้าระวังเชิงรุกตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านการทำงานร่วมกันของเทคโนโลยีและผู้เชี่ยวชาญ โดยมีความแม่นยำ และสามารถตอบสนองได้อย่างทันท่วงที:

  1. IoT Monitoring: เซ็นเซอร์อัจฉริยะตรวจสอบสถานะอุปกรณ์ โดยระบบเตือนภัยและดับเพลิงจะถูกเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่าย IoT ทำหน้าที่ตรวจเช็คสถานะการทำงานของอุปกรณ์สำคัญ เช่น ตู้ควบคุม, หัวจับควัน/ความร้อน, ระดับน้ำและแรงดันในระบบสปริงเกอร์และท่อดับเพลิง, การทำงานของปั๊มน้ำดับเพลิง แบบเรียลไทม์ ต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง
  2. AI Analysis: วิเคราะห์ข้อมูลสถานะจากเซ็นเซอร์ หากพบความผิดปกติ เช่น แรงดันตกหรือสัญญาณเตือนค้าง ระบบจะส่งแจ้งเตือนไปยังศูนย์ควบคุมทันที นอกจากนี้ ระบบ AI CCTV Analytics ยังสามารถช่วยวิเคราะห์ภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อตรวจจับกลุ่มควันหรือเปลวไฟที่อาจเกิดขึ้นในระยะเริ่มต้นได้อย่างรวดเร็ว
  3. Central Control & Human Intervention: ทีมผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบและประเมินสถานการณ์ พร้อมประสานงานแก้ไขอย่างรวดเร็ว เป้าหมายคือ “ดับไฟตั้งแต่ต้นลม” หรือ แก้ไขความบกพร่องของระบบก่อนที่จะสายเกินไป

แนวทางการทำงานร่วมกันนี้ช่วยให้ระบบความปลอดภัยของอาคาร โดยเฉพาะด้านอัคคีภัย ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดและพร้อมใช้งานเสมอ ไม่ต้องรอการตรวจสอบตามรอบ แต่เป็นการเฝ้าระวังเชิงรุกที่ลดความเสี่ยงและเพิ่มความมั่นใจให้ผู้อยู่อาศัย

บทเรียนสู่การเปลี่ยนแปลง: ถึงเวลาของความปลอดภัยเชิงรุก

เหตุการณ์เพลิงไหม้คือบทเรียนสำคัญว่า ความปลอดภัยไม่ใช่เรื่องรองอีกต่อไป การลงทุนในระบบป้องกันที่มีประสิทธิภาพ และการนำเทคโนโลยีมาใช้เฝ้าระวังเชิงรุก คือความจำเป็นในยุคปัจจุบัน โดยเทคโนโลยีอย่าง AI และ IoT เมื่อผสานกับความเชี่ยวชาญของมนุษย์ จะช่วยลดความเสี่ยง Human Error และป้องกันภัยที่อาจมองไม่เห็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Fire,Exit,Red,Door,In,Concrete,Space,Building.,3d,Rendering

เราเชื่อว่าการเรียนรู้จากบทเรียนที่ผ่านมา และการปรับตัวนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างเหมาะสม คือกุญแจสำคัญที่จะนำเราไปสู่สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและน่าอยู่ยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน การลงทุนกับความปลอดภัยในวันนี้ คือการลงทุนเพื่ออนาคตที่มั่นคงและไร้กังวลในวันข้างหน้า

Activate you security

ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิม เพิ่มประสิทธิภาพ ด้วย LIV-24 (ลิฟ-24)
เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพ ปกป้อง ปลอดภัย ผสานพลัง AI และมนุษย์ ตลอด 24/7
ให้ LIV-24 ช่วยวิเคราะห์ความเสี่ยง สร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์ธุรกิจคุณโดยเฉพาะ 02 688 7555 หรือ คลิกที่นี่

แชร์ข่าวและบทความ
Rectangle 9437

ข่าวและบทความที่น่าสนใจ

To top
Interested in our solutions?
Feel Free to download
E-brochure

"*" indicates required fields

This field is for validation purposes and should be left unchanged.